วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง : ความสว่างของ Projector คัดสรรมาให้ ^^

   
   สมัยนี้โปรเจคเตอร์ มีต่างๆรูปแบบ หลากหลาย Spec หลากหลาย Function แต่ละยี่ห้อทำออกมาแข่งขันกันในทางการตลาด แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น ก็จะมีรูปร่างแปลกกันออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกกลุ่มต่างแข่งขันกันด้วยที่ Funcation การทำงาน แต่ละกลุ่มก็ผลิต projector ออกมารับรองการทำงานในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจคเตอร์ขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ มีทั้งราคาเบาๆ ถึงราคาสูงๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้
   วิธีเลือกซื้อ projector แต่ละรุ่นแต่ละสเปค ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ผู้ใช้ต้องคำนึกถึงสถานที่ ความกว้างของห้อง ความสว่าง ความสูง การซูมเข้า ซูมออก งบประมาณในการซื้อ จากนั้นจึงค่อยหาเทียบ Spec ของแต่ละรุ่น แต่ละราคา ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อที่จะได้ประโยนช์มากที่สุด

เรามาเริ่มต้นกันเลยนะครับ ประเดิมด้วยเรื่อง
ความสว่าง (Brightness)
projecor-brightness
    Brightness เป็นค่าแสดงความสว่างของโปรเจคเตอร์แต่ละรุ่น ตัวเลขยิ่งมาก ความสว่างยิ่งมากนะครับผม ส่วน (ANSI LUMENS) เป็นมาตรฐานที่ใช้วัดความสว่างของ projector ครับผม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลในการวัดค่าความสว่างของโปรเจคเตอร์ ANSI มีที่มาจาก American National Standard ส่วนคำว่า LUMEN เป็นการวัด flux หรือ ว่ามีพลังงานแสงออกมาจากแหล่งกำเนิดนั้น ๆ เท่าไหร่ ในเวลาหนึ่ง ๆ ( วัดเฉพาะแสงช่วงสายตามองเห็น ไม่ใช่พลังงานทั้งหมด ) แต่เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกัน (ANSI LUMENS) จะหมายความว่า เป็นการหาค่าเฉลี่ยของแสงที่จอรับภาพโดยแบ่งจอรับภาพออกเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส 9 ส่วน ในการวัดใช้ light meter วัดจากจอรับภาพ 1 ฟุต โดยให้ light meter ชี้ไปที่บริเวณตรงกลางของสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้ครบทั้ง 9 ส่วน แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยอีกทีซึ่งจะได้ค่า ANSI LUMENS ออกมา
คำถาม : "งั้นเราควรจะเลือกความสว่างเท่าไหร่ดีล่ะ"
   ผมจะขอชี้นำว่าให้พิจารณาในการเลือกความสว่างของโปรเจคเตอร์ ให้เหมาะสมกับการใช้งานทีละข้อครับ
  * จำนวนคนในห้อง เพราะว่ายิ่งจำนวนคนในห้องมาก ภาพที่จะฉายก็จะต้องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย พอภาพใหญ่ขึ้น ความสว่างของภาพจะลดลงตามไปด้วย เนื่องจากแสงจะกระจายไปตามระยะที่ฉายภาพครับ
  * ความสว่างของห้อง ถ้าห้องที่ฉายมืด เราก็จะไม่ต้องกังวลถึงความสว่างของ projector มากนัก เพราะถ้ากลัวจะสว่างไป projector ในท้องตลาดตอนนี้สามารถที่จะปรับลดความสว่างของตัวมันเองได้อยู่แล้วซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของโปรเจคเตอร์ ได้ แต่สมมติว่าห้องที่มีแสงเข้ามาก ท่านอาจจะต้องนึกถึงความสว่างของโปรเจคเตอร์เพราะแม้ว่าว่า โปรเจคเตอร์ในช่วงปัจจุบันจะสามารถปรับค่าความสว่างได้ แต่ถ้าท่านปรับค่าความสว่างของโปรเจคเตอร์ให้สูงสุดตลอดเวลานั่นอาจหมายความถึง อายุการการทำงานของโปรเจคเตอร์ก็จะสั่นลงตามไปด้วย ดังนั้นในกรณีที่ห้องมีแสงสว่างจ้าอยู่ตลอดเวลาผู้ใช้ คงต้องเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างสูงขึ้น
  * ชนิดของจอรับภาพ จอรับภาพจะมีผลอย่างสูงกับความสว่างและคุณค่าของภาพที่จะแสดงออกมาเพราะว่า จอรับภาพที่ดีจะทำให้ภาพสว่างและนุ่มนวลดูแล้วสบายตา ในกรณีที่ไม่มีจอรับภาพอาจจะทำให้ภาพที่ฉายสว่างไปหรือแสบตา
  * การนำไปใช้ เช่น ผู้ใช้ใช้เพื่อการประชุม การเรียนการสอน User อาจต้องการความสว่างที่เพียงพอ เพื่อเนื้อหาและรายละเอียดในการนำเสนอภาพจะได้ไม่ผิดพลาด ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการนำไปใช้

ระดับความสว่างของโปรเจคเตอร์ที่เหมาะสม
projector-brightness2
   - ความสว่างน้อยกว่า 1000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งถือว่าน้อยในสมัยนี้นี้สำหรับเทคโนโลยีโปรเจคเตอร์ ซึ่งก็เหมาะสำหรับการฉายภาพในห้องที่มืดหรือมีแสงน้อย
   - ความสว่าง 1000 – 2000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งอยู่ในระดับ ปานกลาง เหมาะสำหรับ ห้องประชุม,ห้องเรียนขนาดเล็กที่แสงสว่างไม่มาก การฉายภาพควรจะใช้ในห้องที่มีแสงสว่างรบกวนเพียงเล็กน้อย
   - ความสว่าง 2000 – 3000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งอยู่ในระดับ สูงเหมาะสำหรับห้องประชุม,ห้องเรียนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ความสว่างระดับนี้สามารถที่จะฉายได้ในระยะที่ไกลขึ้นภาพที่ใหญ่ขึ้นและทำ การแสดงภาพยังคงชัดเจน
   - ความสว่างมากกว่า 3000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งในระดับสูง เหมาะการใช้งานใน หอประชุม, ห้องบรรยาย หรือห้องที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาของ projector ในความสว่างระดับนี้ก็แพงขึ้นตามไปด้วย
projector Credit : www.techcrok.com



เครดิต : www.projectorok.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น