วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีการใช้งาน Projector อย่างถูกวิธี

การใช้งาน Projector อย่างถูกต้อง

             1.ผู้ใช้งานจะต้องต่อสายสัญญาณต่างๆ เช่น RGB, Video หรือ Audio ระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Projcetor ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเสียบปลั๊กเปิดเครื่อง เพื่อความปลอดภัยของ Projector และคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื่องจากการต่อสายสัญญาณต่างๆ หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วอาจจะทำให้ Port หรือจุดต่อสัญญาณของ Projector และ Computer ของคุณเสียหายได้ถ้าหาก แม่แรงดันไฟฟ้า ระหว่างกราวด์ของคอมพิวเตอร์และโปรเจคเตอร์ต่างกัน นอกจากนั้นอาจทำให้ภาพที่ฉายออกจอโปรเจคเตอร์ไม่ถูกต้องหรือไม่ออกเนื่องจากสัญญาณที่ส่งจากคอมพิวเตอร์ ไม่ Sync กับโปรเจคเตอร์ซึ่งจะต้องเสียเวลาสำหรับปรับแต่งใหม่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและลดขั้นตอนการใช้งานจึงแนะนำให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวทุกครั้งนะครับ

            2.ในกรณีมีการพักหรือเบรคระหว่างการประชุม การปิดเครื่อง Projector เพื่อประหยัดอายุหลอดเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากในระหว่างการเปิดเครื่องจะต้องใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงกว่าในขณะที่หลอดสว่างเต็มที่ดังนั้นการเปิดเครื่องระหว่างที่หลอดยังร้อนอยู่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลอดภาพเสื่อมก่อนเวลาอันสมควร ซึ่งตามสถิติพบว่าโปรเจคเตอร์ ที่ใช้งานต่อเนื่องจะมีอายุหลอดมากกว่าโปรเจคเตอร์ ที่มีระยะเวลาการใช้แต่ละครั้งน้อย แต่มีการปิด-เปิดบ่อย ดังนั้นในกรณีที่ต้องการพักการประชุมเป็นเวลาสั้นๆ เช่น Coffe Break แนะนำให้กดปุ่ม Mute บนรีโมทเพื่อปิดภาพชั่วคราวแทนการปิดเครื่อง

           3.หลังจบการประชุมจะต้องปิดเครื่องโดยกดปุ่ม Power บนตัวเครื่องหรือบนรีโมทเท่านั้น ห้ามปิด Main Switch หรือยก Breaker หน้าห้องประชุมเด็ดขาดครับเพราะการทำดังกล่าวจะทำให้อายุการใช้งานหลอดภาพลดลงโดยที่ท่านไม่รู้ตัว และก่อนถอดสาย Power ออกเพื่อเก็บเครื่องลงกระเป๋าจะต้องแน่ใจว่าพัดลมระบายความร้อนหยุดหมุนแล้วเท่านั้น ซึ่งโปรเจคเตอร์รุ่นปัจุบันจะใช้เวลาระบายความร้อนหลอดหรือที่เรียกว่า Cooldown น้อยลงมากโดยที่ไม่ทำให้ท่านเสียเวลารอเหมือนโปรเจคเตอร์ในยุคแรกๆ

 

  การเชื่อมต่อไปยังโปรเจคเตอร์

            คุณสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ของคุณไปยัง Projector เพื่อแสดงการนำเสนอบนหน้าจอขนาดใหญ่

คำแนะนำข้างล่างนี้จะอธิบายวิธี Connection กับ Projector โดยการเสียบสาย เคเบิลของ Projector กับวิดีโอ Port บน Computer ของคุณ นี่เป็นวิธีทั่วไปในการ Connection กับ Projector

คุณยังสามารถเชื่อมต่อกับโปรเจคเตอร์บางประเภท (เรียกว่า โปรเจคเตอร์เครือข่าย) ผ่านเครือข่าย ซึ่งช่วยให้คุณแสดงงานนำเสนอผ่านเครือข่าย ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในห้องหรือแม้แต่ในอาคารเดียวกันกับโปรเจคเตอร์ เมื่อต้องการดูว่าโปรเจคเตอร์ของคุณมีความสามารถด้านเครือข่ายนี้หรือไม่ ให้ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับโปรเจคเตอร์หรือติดต่อผู้ผลิต

ดาวน์โหลดและติดตั้งปลั๊กอิน Windows Media Player

ต้องการเชื่อมต่อไปยังโปรเจคเตอร์

  1. ตรวจสอบว่าโปรเจคเตอร์ เปิดอยู่ แล้วเสียบสาย Cable ของโปรเจคเตอร์เข้ากับวิดีโอพอร์ตบน Computer ของคุณ

หมายเหตุ

โปรเจคเตอร์ใช้สายเคเบิล VGA หรือ DVI คุณต้องเสียบสาย Cable เข้ากับวิดีโอพอร์ต ที่ตรงกันบนคอมพิวเตอร์ของคุณ แม้ว่าคอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่งจะมีวิดีโอพอร์ต ทั้งสองแบบ แต่แล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมีเพียงแบบเดียว Projector บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Port USB บนคอมพิวเตอร์ ของคุณ

ด้วยสายเคเบิล USB

พอร์ต VGA และ DVI

    โปรเจคเตอร์ Credit : http://projector7.com/LG-BD430.html
  1. เปิด 'แผงควบคุม' ด้วยการคลิกปุ่ม เริ่ม แล้วคลิก แผงควบคุม
  2. ในกล่องค้นหา ให้พิมพ์ โปรเจคเตอร์ แล้วคลิก เชื่อมต่อไปยังโปรเจคเตอร์

(เมื่อต้องการใช้แป้นพิมพ์ลัดแทน 'แผงควบคุม' ให้กดแป้นโลโก้ของ Windows P)

  1. เลือกวิธีที่คุณต้องการแสดงเดสก์ท็อปดังต่อไปนี้
    • เฉพาะคอมพิวเตอร์เท่านั้น (ซึ่งจะแสดงเฉพาะเดสก์ท็อปของคุณบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ)
    • ทำสำเนา (ซึ่งจะแสดงเดสก์ท็อปของคุณทั้งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และโปรเจคเตอร์)
    • ขยาย (ซึ่งจะขยายเดสก์ท็อปของคุณจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณไปยังโปรเจคเตอร์)
    • เฉพาะโปรเจคเตอร์เท่านั้น (ซึ่งจะแสดงเฉพาะเดสก์ท็อปของคุณบนโปรเจคเตอร์)

ตัวเลือกสี่รายการสำหรับวิธีการแสดงเดสก์ท็อปของคุณ

     คุณสามารถใช้ขั้นตอนเดียวกันนี้เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณเข้ากับจอภาพแทนการใช้โปรเจคเตอร์

 

การปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ 
ถ้าต้องการปิดภาพ(Blank screen ) ให้กดปุ่มstandbyหนึ่งครั้ง ที่ตัวเครื่องหรือที่ตัวรีโมท ภาพจะไม่แสดงออกที่จอภาพ ตามเวลาที่ตั้งไว้ โดยตัวโปรเจคเตอร์ยังทำงานอยู่ (การตั้งเวลา Stand by จะอธิบายในส่วนของการใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ ) เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ โปรเจคเตอร์จะทำการปิดเครื่องเอง ในกรณีที่ต้องการออกจากโหมดstand by ให้กดปุ่มstandby อีกครั้ง
การปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ InFocus รุ่น 930 ให้กดปุ่มPower หนึ่งครั้ง หลอดภาพจะดับและไฟLEDจะกระพริบสีส้ม ในขณะที่พัดลมยังคงหมุนเพื่อระบายความร้อน หลังจากโปรเจคเตอร์เย็นลงแล้ว ไฟLEDจะติดเป็นสีเขียว แล้วจึงดึงปลั๊กไฟ


** การปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ตามวิธีด้านบนนี้เป็นการบำรุงรักษาเครื่อง และช่วยให้อายุการใช้งานของหลอดไฟยาวนานมากขึ้น **
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
ปัญหา : ไม่มีภาพแสดงบนจอ
o ตรวจสอบว่าปลั๊กไฟเสียบถูกต้องหรือไม่ 
o ตรวจสอบว่าฝาครอบเลนส์ได้ถูกถอดแล้ว 
o ตรวจสอบขาของคอนเน็คเตอร์ไม่บิดงอ
ปัญหา : สีและตัวอักษรไม่มี
• ให้ทำการปรับความสว่าง ( Brightness )
ปัญหา : ความละเอียดของภาพไม่ถูกต้อง
• ต้องทำการปรับความละเอียดของภาพไม่ให้เกิน 1280 x 1024
ปัญหา : ภาพไม่อยู่ตรงกลางของจอภาพ ( Screen )
• ปรับตำแหน่งของโปรเจคเตอร์ใหม่โดยให้ตั้งฉากกับจอภาพ 
• ปรับตำแหน่งทางแนวตั้ง ( Vertical ) และแนวนอน ( Horizontal ) ใหม่จากเมนู
ปัญหา : มีเฉพาะ Blank Screen บนจอภาพ
• ตรวจสอบสายสัญญาณต่าง ๆ ว่าต่อถูกต้องหรือไม่ 
• อาจจะต้องปิด / เปิด เครื่องใหม่อีกครั้ง 
• ตรวจสอบว่า Notebook ที่ใช้ ได้ทำการสั่งออกทางพอร์ทของภาพแล้ว
ปัญหา : ภาพที่ได้เล็กหรือใหญ่เกินกว่าจอภาพ
• จัดตำแหน่งของโปรเจคเตอร์ให้ถูกต้อง 


การเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์
ก . กับคอมพิวเตอร์

1 สายไฟ
2 สายสัญญาณ D-sub กับ D-sub
3 สายสัญญาณ USB กับ USB

ข. กับเครื่องเล่น DVD: สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น DVD ได้ 3 วิธี
1. การเชื่อมต่อกับสายสัญญาณ Component:

1 สายไฟ
2 สายสัญญาณ D-sub กับ HDTV/Component

2. การเชื่อมต่อกับสายสัญญาณ S-video:

1 สายไฟ
2 สายสัญญาณ S-video

3. การเชื่อมต่อกับสายสัญญาณ Composite:

1 สายไฟ
2 สายสัญญาณวิดีโอ Composite

________________________________________
การเปิด/ปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ 
การเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ 

หมายเหตุ: เปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ก่อนจะเปิดแหล่งสัญญาณภาพ

1. ถอดฝาเลนส์ 
2. ตรวจดูให้แน่ใจว่าสายไฟและสายเคเบิลสัญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมต่อแน่นดีแล้ว ปุ่มเปิด/ปิดเครื่องแสดงไฟกะพริบสีเขียว 
3. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเพื่อเปิดการทำงานของโปรเจคเตอร์ โลโก้ Dell จะแสดงขึ้นเป็นเวลา 30 วินาที 
4. เปิดอุปกรณ์ส่งสัญญาณภาพ (เช่น คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นวิดีโอ ฯลฯ) โปรเจคเตอร์จะตรวจสอบแหล่งสัญญาณโดยอัตโนมัติ 
• หากบนหน้าจอปรากฏข้อความ "Searching for Signal... " (กำลังค้นหาสัญญาณ) ตรวจดูให้แน่ใจว่าสายสัญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เชื่อมต่อแน่นดีแล้ว 
• หากคุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่งสัญญาณภาพหลายชนิดในเวลาเดียวกัน ให้ใช้ปุ่ม Source บน รีโมทคอนโทรล หรือ แผงควบคุม เพื่อเลือกแหล่งสัญญาณที่คุณต้องการ 

1 ปุ่มเปิด/ปิด
2 ฝาครอบเลนส์


การปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ 
อย่าดึงปลั๊กไฟของโปรเจคเตอร์ก่อนที่จะปิดการทำงานของอุปกรณ์อย่างเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปนี้ 
1. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเพื่อปิดการทำงานของโปรเจคเตอร์ ข้อความ "Power off the lamp?" (ต้องการปิดหลอดไฟใช่หรือไม่) จะปรากฏขึ้นที่เมนู OSD 
2. กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องอีกครั้ง พัดลมระบายความร้อนจะยังคงทำงานต่อไปอีกประมาณ 2 นาที 
3. หากไฟ LAMP สว่างเป็นสีส้มเข้มตลอด โปรดเปลี่ยนหลอดไฟ 
4. หากไฟ TEMP สว่างเป็นสีส้มเข้มตลอด แสดงว่าเครื่องโปรเจคเตอร์ร้อนเกินไป จอแสดงผลจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ ให้ลองเปิดฉายภาพอีกครั้งหลังจากเครื่องโปรเจคเตอร์เย็นลงแล้ว หากยังประสบปัญหาดังกล่าวอีก โปรด ติดต่อ Dell 
5. หากไฟ TEMP กะพริบเป็นสีส้ม แสดงว่าพัดลมของโปรเจคเตอร์ไม่ทำงาน และโปรเจคเตอร์จะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ หากยังประสบปัญหาดังกล่าวอีก โปรด ติดต่อ Dell 
6. ปลดสายไฟจากเต้ารับและโปรเจคเตอร์ 
7. ในกรณีที่คุณกดปุ่มเปิด/ปิดในขณะที่เครื่องยังทำงานอยู่ ข้อความ "Power off the lamp?" (ต้องการปิดหลอดไฟใช่หรือไม่) จะปรากฏบนหน้าจอ หากต้องการยกเลิกข้อความดังกล่าว ให้กดปุ่มใดก็ได้บนแผงควบคุม หรืออยู่เฉยๆ ข้อความดังกล่าวจะหายไปหลังจาก 5 วินาที 
________________________________________
การปรับภาพที่ฉาย 
การปรับความสูงของโปรเจคเตอร์ 

วิธีปรับระดับโปรเจคเตอร์ให้สูงขึ้น: 
1. กดปุ่ม Elevator (ตัวยก) 
2. ยกโปรเจคเตอร์ให้อยู่ในมุมที่ต้องการ จากนั้นให้ปล่อยปุ่มดังกล่าวเพื่อล็อคขาของตัวยกให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ 
3. ใช้ล้อปรับความลาดเอียง เพื่อปรับมุมการฉายภาพให้เหมาะสม 
วิธีปรับระดับโปรเจคเตอร์ให้ต่ำลง: 
1. กดปุ่ม Elevator (ตัวยก) 
2. ดันโปรเจคเตอร์ให้ต่ำลง แล้วปล่อยปุ่มดังกล่าวเพื่อล็อคขาของตัวยกให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ 
ข้อสังเกต: เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โปรเจคเตอร์ได้รับความเสียหาย โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ดันเก็บตัวยกเข้าที่จนสุดแล้ว ก่อนที่จะใส่โปรเจคเตอร์ลงในกระเป๋า 

1 ปุ่มตัวยก
2 ขาตั้งยก
3 ล้อปรับความลาดเอียง

________________________________________
การปรับโฟกัสของโปรเจคเตอร์ 
หมุนแกนปรับโฟกัสจนกว่าภาพที่ฉายจะชัดเจน โปรเจคเตอร์สามารถโฟกัสภาพในระยะห่างตั้งแต่ 4.0 ฟุต ถึง 39.4 ฟุต (ตั้งแต่ 1.2 เมตร ถึง 12 เมตร) 



1 แกนปรับโฟกัส

________________________________________
การปรับขนาดของภาพที่ฉาย

หน้าจอ
(เส้นทแยงมุม) 29.4" (74.7cm) 81.6" (207.3cm) 133.8" (339.9cm) 185.3" (470.6cm) 237.5" (603.3cm) 289.7" (735.9cm) 
ขนาด หน้าจอ 23.5"X17.7" 65.3"X49.0" 107.1"X80.3" 148.2"X111.2" 190.0"X142.5" 231.8"X173.8" 
(59.8cmx44.8cm) (165.8cmx124.4cm) (271.9cmx203.9cm) (376.5cmx282.4cm) (482.6cmx362.0cm) (588.7cmx441.5cm) 
ระยะห่าง 4.0' (1.2m) 11.1' (3.4m) 18.2' (5.5m) 25.2' (7.7m) 32.3' (9.8m) 39.4' (12.0m) 
* กราฟนี้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้ใช้เท่านั้น

การเปลี่ยนหลอดไฟ
โปรดเปลี่ยนหลอดไฟเมื่อคุณเห็นข้อความ "Lamp is approaching the end of its useful life. Replacement Suggested." (หลอดไฟใกล้หมดอายุการใช้งาน แนะนำให้เปลี่ยนหลอดไฟ) แสดงบนจอภาพ หากยังประสบปัญหาดังกล่าวอีก โปรด ติดต่อ Dell

ข้อควรระวัง: หลอดไฟมีความร้อนสูงเมื่อใช้งาน อย่าพยายามเปลี่ยนหลอดไฟหลังการใช้งาน จนกว่าจะปล่อยให้เครื่องโปรเจคเตอร์เย็นลงเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที
ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟ: 
1. ปิดสวิตช์โปรเจคเตอร์ และถอดสายไฟออก 
2. ปล่อยให้เครื่องโปรเจคเตอร์เย็นลงเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที 
3. คลายสกรู 2 ตัวที่ยึดฝาครอบหลอดไฟ แล้วถอดฝาครอบออก 
4. คลายสกรู 3 ตัวที่ยึดหลอดไฟ 
5. ดึงหลอดไฟโดยจับที่ตัวโครงเหล็ก 
6. ทำซ้ำย้อนกลับขั้นตอน 1 ถึง 5 เพื่อติดตั้งหลอดไฟใหม่ 
7. รีเซ็ตหลอดไฟ โดยการเลือกที่ไอคอน Lamp Reset ด้านซ้าย ในแท็บ Management (การจัดการ) ของเมนู OSD 
8. Dell อาจกำหนดให้นำหลอดไฟที่เปลี่ยนตามการรับประกัน ส่งคืนกลับมายัง Dell มิเช่นนั้น โปรดติดต่อหน่วยงานกำจัดสิ่งปฏิกูลในท้องที่ของท่าน เพื่อขอทราบสถานที่จัดเก็บในละแวกใกล้เคียง 


ข้อควรระวัง: อย่าจับหลอดไฟหรือกระจกหลอดไฟไม่ว่าเมื่อใด หลอดไฟอาจแตกระเบิดได้หากถือไม่ถูกต้อง รวมถึงการจับหลอดไฟหรือกระจกหลอดไฟ
• ปรับภาพย่อ / ขยาย ( Zoom )



ขอบคุณบทความจาก : projectorok.com">http://www.projectorok.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น