วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แนะนำการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์

วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์อย่างไร

วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ (Projector) ขอจำแนกออกเป็นประเภทดังนี้

ชนิด Ultra Portable
น้ำหนัก 4-10 ปอนด์ เหมาะสำหรับนักเดินทาง หรือการพกพาไปยังต่างๆ ใช้ในพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามเครื่องโปรเจคเตอร์ที่มีน้ำหนักเบาเกินไปอาจทำให้คุณภาพของเครื่อง{โปรเจคเตอร์| Projector) บางรุ่นด้อยลงไปด้วย เช่น ค่าความคมชัด, ค่าความสว่าง แต่ถ้าเครื่องยิ่งมีขนาดเล็กและมีคุณสมบัติที่ดีนั่นก็หมายความถึงราคาที่ แพงขึ้น เป็นเงาตามตัวด้วย

ประเภท  Portable
น้ำหนัก 10-20 ปอนด์ เหมาะสำหรับห้องประชุมหรือห้องสัมมนาทั่วไป หรือห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย เนื่องจากตัวเครื่อง Projector จะให้ความคมชัด และความสว่างที่ดีกว่าแบบแรก

ชนิด  Conference
น้ำหนัก 20 ปอนด์ ขึ้นไป เหมาะแก่การติดตั้งแบบถาวร กึ่งถาวร หรือมีการเคลื่อนย้ายน้อยครั้ง และด้วยเครื่องที่ขนาดนี้ก็รับประกันได้เลยว่า ตัวเครื่องนั้นมีความสามารถที่เป็นเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่มันก็มีขนาดที่ค่อนข้างหนัก และเคลื่อนย้ายลำบาก แต่ถ้าดูแล้วความสามารถของเครื่องนั้นไม่เหมาะสมกับราคา และน้ำหนักก็ให้มองข้ามรุ่นนั้นไปได้เลย เนื่องจากในปัจจุบันนี้เครื่องโปรเจคเตอร์ ยังไม่มีรุ่นที่แบบเล็กมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มีขายอยู่ในตลาดประเทศเรา พวกเราก็สามารถใช้งานได้หลากหลายแล้ว แต่ถ้ามีงบที่พอ ก็อาจจะเพิ่มการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ในรุ่นที่ใหญ่กว่าเนื่องจาก มีความสามารถ และคุณสมบัติที่มากกว่าการใช้งานรุ่นเล็กซึ่งก็จะทำให้คุ้มค่า กว่าได้

______________


DLP หรือ LCD
ตัวย่อสองตัวนี้หมายถึงเทคโนโลยีของเครื่อง Projector ซึ่ง DLP ย่อมาจาก Digital Light Processing ส่วน LCD ก็ย่อมาจาก Liquid Crystal Display ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ต่างกันที่ DLP เป็นเทคโนโลยีแบบดิจิตอลล้วน ๆ ที่สามารถทำให้การนำเสนอผลงานหรือสร้างผลงานให้มีความคมชัดสูง และมีความสว่างที่มาก ทำให้สามารถอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ขนาดจำกัดได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเครื่อง Projector แบบ Ultra Portable ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดประเทศไทยนั้น โดยมากจะใช้เทคโนโลยี DLP นี้ โดย Technology นี้ก็อยู่บนพื้นฐานของ Digital Micromirror Display (DMD)

ส่วนเครื่อง Projector แบบ LCD นั้นจะด้อยกว่าแบบ DLP ตรงที่เครื่องโปรเจคเตอร์แบบ LCD นั้นยังมีบางส่วนที่เป็น Analog System รวมอยู่ด้วย และด้วยเครื่องฉายภาพระบบ DLP สามารถที่จะให้ความคมชัดที่สูงกว่า และให้ความถูกต้องของสีมากกว่า เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบ Digital ทำให้หมดปัญหาในเรื่องของการบิดเบือน หรือการลดทอนสัญญาณในกระบวนการแปลงค่าดิจิตอลให้เป็นอะนาล็อก อย่างที่เกิดขึ้นในระบบ LCD โปรเจคเตอร์ที่มีระบบแบบ DLP และ LCD แต่อย่างไรก็ตามเครื่องโปรเจคเตอร์ในระบบ LCD ก็ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อที่จะลดข้อด้อยดังที่กล่าวมา ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้แยกไม่ออกในเรื่องของการทำงาน ว่าเครื่อง Projector เครื่องไหนเป็น DLP System หรือเครื่องไหนเป็น LCD System ก็เมื่อไปทำการซื้อก็ให้ทดลองฉายภาพดูแล้ว ทำการเปรียบเทียบภาพที่ได้ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนเรื่องของราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCD อาจจะถูกกว่าเครื่อง Projector ในระบบ DLP บ้าง ที่ความสามารถเท่าๆ กัน แต่ก็ไม่สามารถหาผลสรุปได้แน่ชัด เนื่องจากขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ฟังก์ชัน หรือฟีเจอร์อื่นๆ ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCD แพงกว่าราคาเครื่องโปรเจคเตอร์ ในระบบ DLP ก็ได้

______________

ค่าความสว่าง/หลอดไฟ
การใช้งานเครื่อง Projector ใน ห้องที่มีขนาดใหญ่ สิ่งที่สำคัญก็คือภาพที่ฉายออกไปนั้นจะต้องมีขนาดที่ใหญ่ มีความสว่างในการใช้งานที่ดี ความคมชัดสูง เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นภาพที่ชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เกิดความสามารถนี้ได้ นั่นก็คือ ความสว่างของการฉายภาพ เพราะหากแสงไม่พอภาพที่ได้นั้นจะไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นความสว่าง ที่ว่านี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการนำเสนอแล้ว ยังแปรผันโดยตรงกับความสว่างของ ห้องด้วย คือ ถ้าความสว่างของเครื่องโปรเจคเตอร์ นั้นน้อยก็จะต้องทำการปรับความสว่างของห้องที่ใช้งานให้น้อยหรือมืดไปเลยตามไปด้วย แต่ถ้าหากเครื่องโปรเจคเตอร์ มีความสว่างที่มากพอ แม้ว่าห้องที่ใช้งานอยู่นั้นจะมีการเปิดไฟหรือมีความสว่างอยู่บ้าง ก็จะทำให้ภาพที่ได้ยังคมชัดอยู่ และยังสามารถใช้ความว่างนั้นทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นการจดบันทึก หรือโน้ตย่อตามการนำเสนอนั้นๆ ร่วมกันไปด้วยได้ ค่าความสว่างของเครื่อง Projector นี้มีหน่วยวัดเป็น ANSI lumen ยิ่งมีค่ามากเท่าไรก็ยิ่งมีความสว่างของเครื่องมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็จะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีขนาดใหญ่ และมีความคมชัดมากขึ้น สำหรับการเลือกซื้อก็จะต้องมีการพิจารณาประกอบ ดังนี้

______________


ค่าความสว่าง/ความเหมาะสม
น้อยกว่า 500 ANSI lumens เหมาะแก่ห้องขนาดเล็ก /จำนวนผู้ฟังน้อย /ในห้องที่มืด
500 – 1,000 ANSI lumens เหมาะใช้กับห้องสัมมนาตามสำนักงานต่างๆ หรือในห้องเรียน/จำนวนผู้ฟังขนาดกลาง/ต้องการแสงสว่าง ในการนำเสนอบ้างแต่ไม่มากนัก
1,000 – 1,500 ANSI lumens เหมาะแก่ห้องประชุมขนาดใหญ่ หรือในห้องเรียนรวม/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
มากกว่า 1,500 ANSI lumens เหมาะแก่สถานที่ขนาดใหญ่, ตามศูนย์การประชุมต่างๆ/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ

ถ้ามีงบที่เพียงพอก็ให้พยายามเลือกซื้อรุ่นที่มีค่า ANSI lumen สูงๆ เท่าที่จะสูงได้ เพราะจะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้น แต่ค่าความสว่างนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับหลอดไฟหรือชนิดของหลอดไฟด้วย โดยทั่วไปหลอดไฟที่ใช้ในเครื่อง Projector ก็มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือแบบ Metal Halide และ UHP (Ultra-High Performance) โดย แบบ Metal Halide นั้น จะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ถูกใช้มานานแล้วทำให้คุณภาพของภาพที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเมื่อใช้งานไปนานจะสูญเสียความสว่างลงไปอีกทั้งยังเกิดความผิดเพี้ยน ของสีของภาพอีกด้วย ในขณะที่เทคโนโลยี UHP นั้นจะยังคงรักษา ประสิทธิภาพเอาไว้ตลอดอายุการใช้งานอีกเช่นเดียวกันราคาก็จะสูงกว่าบ้าง แต่ถ้าดูอย่างอื่นๆ ประกอบด้วยโดยรวมถ้าราคาใกล้เคียงกันแบบ UHP ก็เป็นส่วนที่น่าสนใจกว่า

โปรเจคเตอร์ Credit : http://www.champpradubyont.com/product/index.php?page=shop.product_details&flypage=flypage.tpl&product_id=2096&category_id=36&option=com_virtuemart&Itemid=79

______________

ความละเอียด/ความคมชัด
ตัว Projector รุ่นต่างๆ ก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป เนื่องจากตัวโปรเจคเตอร์ จะมีวิธีการสร้างภาพที่ต่างกัน แต่ก็จะใช้การเรียนของจุดสีหรือที่เรียกว่า “Pixel” ประกอบกันขึ้นมาทีละแถวหรือเส้นและเมื่อรวมกันเข้าหลายๆ เส้นก็จะเกิดเป็นภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ความคมชัดหรือความละเอียดของภาพนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างจำนวนจุดสีหรือพวกเซลนี้ขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน ความละเอียดของ Projector นี้จะมีการแสดงค่าเป็นตัวเลข 2 จำนวน เช่น 800 X 600 Pixel โดยตัวเลขแรก หมายถึงจำนวนPixelที่มีการจัดเรียงกันตามแนวนอน ส่วนตัวเลขที่สอง หมายถึง จำนวนPixelที่มีการจัดเรียงกันในแนวตั้ง ตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ยิ่งมีค่าสูงมากเท่าไรก็หมายถึงว่าค่า ความคมชัดและรายละเอียดของภาพจะสูงมากขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับการใช้งานนั้นค่าความละเอียดหนึ่งอาจจะเหมาะสมกับงานประเภทหนึ่ง เนื่องจากถ้ามีการซื้อเครื่องที่มีความละเอียดสูงมาใช้งานเกินความจำเป็นก็ จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ก็ขอให้พิจารณาจากตัวอย่างการใช้งาน

* หากมีการนำเสนอหรือแสดงผลการด้วยโปรแกรม PowerPoint ภาพที่จะออกมานั้นก็จะเป็นGraphicเป็นส่วนใหญ่ โดยจะไม่มีความซับซ้อนหรือรายละเอียดของภาพมากนัก ก็อาจจะใช้ Projector ที่มีความละเอียดที่ 800 x 600 พิกเซลก็ได้
* ถ้ามีการใช้โปรแกรมประเภทตาราง หรือมีการเสนองานที่อยู่ในรูปแบบของตาราง หรือรูปภาพกราฟิกที่มีรายละเอียดที่ค่อนข้างสูงขึ้นมาสักหน่อยก็แนะนำให้ใช้ Projector รุ่น XGA ที่มีความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซล ก็จะทำให้รายละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมากขึ้น
* หากในการนำเสนอมีการใช้โปรแกรมประเภทออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือประเภท CAD/CAM ต้องเลือกซื้อรุ่นที่มีความคมชัดสูงสูงในระดับ SXGA โดยจะมีความละเอียดที่ 1,280 x 1, 024 พิกเซล ก็เพื่อช่วยให้รายละเอียดของภาพนั้นไม่มีการบิดเบือนไปจากพาจริงมากนัก เนื่องจากภาพประเภทนี้เป็นภาพที่มีรายละเอียดสูง มีความซับซ้อนมาก
ความละเอียดของตัวโปรเจคเตอร์ มีมากเพียงใดแต่ถ้ารุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่รองรับ หรือไม่สามารถที่จะแสดงภาพได้เต็มความสามารถของเครื่อง Projector ความละเอียดที่มีสูงๆ ก็เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไป ก็ให้ทำการตรวจสอบรุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าสามารถที่จะใช้งานกับโปรเจคเตอร์รุ่นที่ต้องการนี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้แล้วตัวเครื่อง Projector ยังขึ้นอยู่กับค่า Contrast

“Contrast” หรือค่าความต่างของตัวเครื่องด้วย โดยค่านี้จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างค่าสูงสุดของความสว่างและความมืดที่ อยู่บนจอภาพ ซึ่งค่า Contrast ที่ดีควรจะอยู่ในอัตราส่วน 150:1 หรือมากกว่า ซึ่งถ้าค่า Contrast ยิ่งมากเท่าไรก็จะช่วยให้เกิดมิติ และความคมชัดของภาพได้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ค่า Contrast นี้จะไม่ค่อยมีผลเท่าไรกับภาพที่คุณภาพของภาพต่ำ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทำการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ที่มีค่า Contrast สูงๆ ไว้ก่อน


______________

 

Port ต่างๆ ของเครื่อง Projector
ความจำเป็นในการใช้งานของ Projector นั้นอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเครื่อง Projector จึง จะต้องมี Port สำหรับการ Connection กับอุปกรณ์ต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นั่นก็จะหมายถึงราคาของเครื่องโปรเจคเตอร์ที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วย เนื่องจากPortจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานของ Projector ได้มากยิ่งขึ้น แต่พอร์ตที่มีแน่ๆ ในโปรเจคเตอร์ ทุกเครื่องก็คือ พอร์ต RGB In ที่เป็นPort สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์


การปรับภาพ
เครื่องมือที่ช่วยในการปรับภาพของเครื่องโปรเจคเตอร์ นั่นก็คือ Focus & Zoom โดยที่เครื่อง Projector บางตัวบางรุ่นบางยี่ห้อจะสามารถปรับในสิ่งเหล่านี้ได้แบบ manual ด้วยการหมุนวงแหวนที่อยู่บนตัว Lens ด้านหน้าของเครื่องโปรเจคเตอร์ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับระบบ Focus & Zoom Control ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการใช้งานโดยการกดปุ่มที่อยู่ด้านบนของโปรเจคเตอร์ ก็สามารถที่จะปรับค่าต่างๆ ได้แล้ว ในบางรุ่นอาจจะใช้ Remote Control หรือ ใช้ Remote ควมคุบ ตัวเลนส์ของเครื่องโปรเจคเตอร์ ก็มีความสำคัญเหมือนกัน โดยถ้า Lens มีการขยายที่ดีก็จะช่วยให้การควบคุมขนาดของภาพทำได้ดีขึ้นโดยการซูมเข้าหรือซูมออก ซึ่งก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับห้องแต่ละห้องที่อาจจะมีขนาดของจอภาพไม่เท่ากัน


______________



ระบบควบคุม
Remote Control System จะช่วยให้การควบคุมการทำงานของโปรเจคเตอร์ การปรับความคมชัดของภาพ หรือการปรับแต่งอื่นๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้นซึ่งจะทำการจากมุมใดมุมหนึ่งในห้องก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามปุ่มที่อยู่บนรีโมทนั้นอาจจะเป็นปุ่มที่ทำให้การใช้งานง่าย ก็จริงแต่ไม่ควรที่จะละเลยที่จะใช้ปุ่มที่อยู่กับเครื่อง Projector เพราะถ้าเกิดรีโมทเสียขึ้นมาละยุ่งแน่ 555

 

______________



ร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย
สำหรับ Projector นั้น ร้านค้าที่นำมาขายนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเจ้าใหญ่ๆ ไม่ค่อยมีร้านค้าย่อยๆ ทำการซื้อมาเก็บใน Stockไว้รอขายเนื่องจากราคาของprojectorok.com">โปรเจคเตอร์นั้น ค่อนข้างสูงอาจจะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไป แต่ก็อาจจะมีไปสั่งซื้อจากร้านใหญ่ๆ มาอีกทีหนึ่งเมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อ โดยในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ทำการซื้อจากร้านค้ารายใหญ่ๆ เลยก็ได้เพราะอาจจะมีสินค้าโปรโมชั่น หรือราคาถูกนั้นเองแต่ก็ให้ศึกษาข้อมูลของร้านนั้นให้ดีด้วย เช่น การบริการเป็นอย่างไร ไม่ใช้ว่าขายแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบลูกค้าเลย หรืออีกร้านหนึ่งขายในราคาที่สูงกว่านิดหน่อยแต่ก็มีการรับประกันที่ดีกว่า ก็ให้เลือกในกรณีหลังจะดีกว่า และอีกประการหนึ่งคือพนักงานขายที่มีการเดินสายขายเครื่อง Projector ไป ยังที่ต่างๆ ก็ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ด้วยว่าสักกัดอยู่ที่ร้านนี้จริง หรือไม่มิใช่มาแอบอ้างแล้วทำให้เกิดข้อผิดผลาดขึ้นมาได้



เครดิต : http://www.projectorok.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น