วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

บทความ : ช่องต่อ ของ โปรเจคเตอร์ คัดสรรมาให้ ^^

    กลับพบกันอีกครั้งนะครับผมเพื่อนพ้องๆ พอดีเมื่อวานผมติดภาระนิดนึง ทำให้มาเรียบเรียงบทความต่อให้ไม่ได้ สำหรับคนที่ขอเข้ามา วันนี้ผมพอมีเวลาว่างประมาณ 2-3 ชั่วโมง ผมเลยตั้งเป้าหมายตั้งมาเรียบเรียงบทความให้เพื่อนๆ ที่ขอเข้ามาได้รับประโยนช์กัน เมื่อวานในตอนที่ผมไปภารกิจข้างนอก มีเวลาว่าง 1-2 ชั่วโมง ก็เลยนั่งคิดเรื่องที่จะเขียนบทความ แล้วก็นั่งคิดคำพูด นั่งคิดการบอกเล่าออกมาให้เพื่อนๆ เพื่อให้เพื่อนๆ อ่านแล้วถึงบางอ้อและได้ง่ายที่สุด เรื่องที่ผมจะมานำเสนอวันนี้ เป็นเรื่องที่บางคนอาจจะคิดว่ามันง่าย มองข้ามกัน ดูสี แล้วเสียบๆ ก็จบ (55 เพื่อนๆ รู้แล้วแน่เลย ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร) ผมหมายถึง เรื่องของช่องสัญญาณครับ หรือที่เรียกกันว่าช่องต่อ projector. บางคนรู้จักแต่ HDMI, VGA มาถึงเสียบๆ จบ วันนี้ผมเลยอยากจะมาบรรยายเกี่ยวกับช่องต่อว่ามันมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างนั้น มีหน้าที่อะไร และมีภาพประกอบด้วย เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้อ่านแล้วมองเห็นภาพโดยทันที ไม่ต้องไป Search ตาม GOOGLE หรือเว็บ Search Engine อื่นๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาๆ 55 เด่วเพื่อนๆ หนี มาเลย!! เริ่มกันเลยครับผม

_______________*********_______________

       ช่องต่อหลักๆ ที่ในเครื่อง Projector มีได้แก่ RBG, Composite Video, Component Video, S-Video, HDMI, DVI, RJ45, Rs232c, USB, Audio
เรามาประเดิมกันด้วย ...

 

    RBG แบบ D-Sub 15pin (Analog) เป็นช่องต่อสัญญาณจอภาพแบบมอนิเตอร์ (Monitor) หรือคอมพิวเตอร์ (Computer) โดยการต่อสัญญาณช่อง [แถวละ5ช่อง รวม3แถว] ส่วนการต่อสัญญาณจากเครื่อง projector ออกไปยังจอภาพมอนิเตอร์ (Monitor) เราจะใช้ช่อง Monitor Out ซึ่งมีสีดำ ในการเชื่อมต่อ โดยช่อง VGA Out จะมีลักษณะเป็นเข็มเล็กๆ จำนวน 15เข็ม [แถวละ5เข็ม รวม3แถว] เวลาเพื่อนๆ ไปซื้อหาสายสัญญาณ บางร้านจะเรียกว่า "สายVGA" บางร้านจะเรียก "สายRGB" แต่ที่แน่ๆ เวลาไปเลือกซื้อหาสาย ถ้าพึงประสงค์เชื่อมต่อระหว่างโน๊คบุค กับเครื่อง projector จะต้องใช้สายแบบมีเข็มทั้งสองด้าน (Male-Male) แบบมี 15 เข็มนะครับ ย้ำ!! แต่หากใช้ต่อจาก Harddisk ของคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ก็จะต้องใช้สายแบบมีเข็มหนึ่งด้าน อีกด้านไม่มีเข็ม (Female-Male) ครับผม

 

   Composite Video จะมีลักษณะเป็นสายเส้นเดียว หัว Jack แบบ RCA สีเหลือง(สายภาพ เน้น!!) บางครั้งจะอยู่ด้วยกันกับสายเสียง(สีแดง - สีขาว) คือลำโพงซ้าย และลำโพงขวานั้นเอง. เพื่อนๆ จะพบสายชนิดนี้ในการเชื่อมต่อพวงเครื่องเล่น Video , DVD ทั่วไป หรือแม้แต่การต่อออกจาก กล่องสัญญาณ UBC โดยสาย 1 เส้นนี้ จะรวมเส้น Color, Brightness และ Synchronization Data เป็นสัญญาณเดียวเรียกว่า "Compositve" ถ้ามองในแง่ราคาถือว่า ถูกเลยทีเดียว แต่คุณภาพก็ไม่ค่อยจะดีนัก!!

 

   Component Video จะมีลักษณะมีสาย 3 เส้น Jack 3 สี คือ สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดง(Y Pb Pr) โดนสัญญาณภาพจะถูกแบ่งเป็นสัญญาณที่เรียกว่า "Luma(ความสว่าง) และ Chroma(สี) โดยสัญญาณ Chroma จะแยกเป็นสีแดง และสีน้ำเงิน สายแบบนี้สามารถรักษาคุณภาพของสัญญาณได้ดี เครื่อง projector หลายรุ่น หลายยี่ห้อ จะมีช่องต่อสัญญาณแบบนี้อยู่ครับผม

 

   S-Video แนวทางรับส่งสัญญาณภาพ โดยแยกสัญญาณเป็นสองช่องทางสำหรับ Brightness, Y และ Color, C หรือเรียกอีกแบบว่า Y/C วิธีนี้ทำให้ได้ภาพที่คมชัดไม่เป็นจุด (Pixel)

 

   DVI (Digital Virtual Interface)
     DVI-A ใช้เพื่อต่อสัญญาณจากช่อง DVI ไปยังจอแสดงผลที่เป็นอะนาล็อค (VGA) เมื่อแสดงผล แม้สัญญาณที่ได้จะลดลงไปบ้าง
     DVI-D ใช้เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณดิจิตอล โดยตรง ไม่มีการแปลงสัญญาณ ซึ่งน่าจะให้ภาพที่แสดงผลได้รวดเร็ว และคมชัดกว่าแบบ DVI-A พอสมควร
     DVI-I เป็นช่องต่อสายที่สามารถเชื่อมสัญญาณได้ทั้ง 2 ประเภทคือ DVI-A และ DVI-D สมัยนี้ไม่ค่อยมีวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นช่องต่อ DVI กันแล้ว ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นช่อง HDMI กันมากกว่า

 

   HDMI (High-Definition Multimedia Interface) สามารถถ่ายทอดสัญญาณ Digital ได้ทั้งภาพ และเสียง ไม่มีการบีบอัดสัญญาณให้คุณภาพดีกว่าสายประเภท Analog ได้ทั้งภาพ และเสียงในสายเดียวกัน ภาพจะดูสวยงาม ใสปิ๊งขึ้นมาอีกเยอะมาก ในเครื่องเล่นปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ จะมีช่องต่อ HDMI อยู่ในตัวอยู่แล้ว

 

   RJ45 หรือที่เราเรียกกันติดปากคือ "สายแลน" เครื่องโปรเจคเตอร์แทบจะทั้งหมดในสมัยนี้ จะมีช่อง RJ45 อยู่ เพื่อใช้ในการรับส่งข้อมูล เวลาเลือกซื้อสังเกตุดีๆ นะครับ

 

   Rs232c ย่อมาจากคำว่า "Recommended Standard-232" เป็นวิธีการรับ - ส่งข้อมูลแบบมาตรฐานผ่านสายอนุกรม และใช้กับ Modem Printer และวัสดุอุปกรณ์อนุกรมอื่นๆ Rs-232 เป็นมาตรฐาน Electrical Industries Association มาตรฐานนี้ได้กำหนดสายต่อช่วงเวลา และการส่งสัญญาณที่ใช้ระว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ กับอุปกรณ์ต่อพ่วง โดยใช้สายเชื่อมต่อ DB แบบ 25เข็ม และ 9เข็ม

 

   USB (Universal Serial Bus) ปัจจุบันนี้ ระดับความเร็วอยู่ที่ USB 2.0(ถึงแม้ปัจจุบันมีถึง USB 3.0 แต่ส่วนของ projector ยังเป็น 2.0อยู่) รองรับระดับการส่งข้อมูลได้ถึง 3 ระดับคือ
     ความเร็ว 1.5 Mbps (Low Speed) สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลทีละมากๆ
     ความเร็ว 12 Mbps (Full Speed) สำหรับการเชื่อมต่อเข้ากับ USB 1.1
     ความเร็ว 480 MbpS (Hi-Speed) สำหรับการเชื่อมต่อกับ USB 2.0 ด้วยกัน โดย
         USB Type A จะเป็นการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อการประมวลผล เรียกว่า "UpStream"
         USB Type B จะเป็นการส่งข้อมูลเข้าหาเครื่องมือ เรียกว่า "DownStream"

 

   Audio เป็นช่องเชื่อมต่อสัญญาณเสียง หากเครื่องโปรเจคเตอร์ที่ใช้ลำโพงแบบ MONO จะมี Jack เดี่ยวแบบ RCA อยู่ หากลำโพงเป็นแบบ Stereo จะเป็นช่อง Audio แบบแยกลำโพงซ้าย และขวา

 

ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับบทความนี้ ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก ขอบคุณนะครับที่ตามมาอ่านกัน!! บทความหน้าเป็นเรื่องอะไร รอติดตาม 

_______________*********_______________

 

ปล. สำหรับวันนี้ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระผมขอตัวก่อนนะครับ ปั้นงานต่อ ^^ อยากรู้เรื่องไหน ขอเข้ามาได้ ทาง Facebook - Website. ถ้าว่างผมจะจัดข้อมูลให้อย่างฉับไว!! ^^ ยะฮู้วว ไปแล้ววววว

หากผู้ใช้สนใจ อ่านบทความ สามารถติดตามได้ที่นี่

FACEBOOK : www.facebook.com/projectorok
WEBSITE : www.projectorok.com

_______________*********_______________

บทความเพิ่มเติม

   projectorok.com/index.php?route=information/news/detail&news_id=258">เรื่องอัตราส่วน CONTRAST คลิกอ่าน

   เรื่องอัตราส่วนภาพ ASPECT RATIO คลิกอ่าน

   เรื่องเทคโนโลยีสำหรับโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน

   เรื่องหลอดโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน

   เรื่องช่องต่อสัญญาณ คลิกอ่าน

 



ที่มา : www.projectorok.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น