วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง : Technology ของ โปรเจคเตอร์ คัดสรรมาให้ ^^

สวัสดีครับ วันนี้ผมมาประจำการเขียนบทความเนื้อหาดีๆเกี่ยวกับเรื่องของโปรเจคเตอร์ เมื่อวันก่อนผมพูดถึงเรื่องของค่า Contrast กับ Aspect ไปแล้วนะเด้อ ว่าสองอย่างนี้คืออะไร ทำบทบาทหน้าที่อย่างไร
     แต่วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่อง เทคโนโลยีของโปรเจคเตอร์ (Technoloy Projector) ว่าเทคโนโลยีมีกี่แบบ ถ้าใครพอมีความรู้เรื่องโปรเจคเตอร์มาบ้าง จะรู้ว่ามันมีแบบ LCD,3LCD ฯลฯ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ามันแต่ละอย่างนั้น มันทำงานอย่างไร แตกต่างกันหรือไม่ เพื่อไม่เป็นการรอช้า เรามาเริ่มกันเลยนะครับ!! ฮิฮิ้วววววววว

     ในยุคปัจจุบันนี้ Techonology สำหรับ Projector มีหลากหลาย วันนี้ผมจะมาพูดถึงตัวที่คนพูดถึงกันมากที่ใช้กันในสมัยนี้หรือค่อนข้างเห็นบ่อยพอสมควร คือ 1.LCD-3LCD 2.DLP และ LCOS เรามาเริ่มดูกันแต่ละ Technology เลยนะครับ

     1. เทคโนโลยีแบบ LCD (Liquid Crystal Display) คือการทำงานจะทำโดยการปล่อยลำแสงออกจากแผ่น LCD 3แผ่น ซึ่งมันจะประกอบด้วย ซิลิคอนขนาดเล็ก นำมาเรียงเข้าด้วยกัน หรือประกอบเข้าด้วยกันเป็นแผงๆ แต่ละชิ้น จะทำหน้าที่ของตัวมันเอง คือ การปล่อยแม่สีของตัวเองออกมา นั้นก็คือ Red Green Blue ปล่อยออกมาเพื่อเป็นตัวสร้างภาพ การส่งแสงผ่านแผ่น LCD ทำให้สูญเสียค่าแสงเล็กน้อย ภาพที่แสดงออกมา จึงมีความสดใส และสามารถแสดงสีสันได้อย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ โดยปัจจุบันนี้จะมีแบบ Single-LCD และ 3LCD


     2. เทคโนโลยีแบบ DLP (Digital Light Processing) คือ เทคโนโลยีเพื่อการสร้างแบบ ดิจิตอล ผู้คิดค้นคือ Texas Instrument ลักษณะการทำงานคือ จะใช้เพียง Chipset เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น หรือที่เราเรียกมันว่า DMD-Ship (Digital Micro Mirror Device Ship) ซึ่งภายในนี้จะประกอบไปด้วยกระจกเพียงชิ้นเล็กๆ เท่านั้น แต่มีปริมาณมาก เพื่อใช้แสดงผลของ Pixel ของภาพ จำนวนชิ้นกระจกจะแสดงถึงความละเอียดของภาพ ยิ่งกระจกมากเท่าไหร่ ความคมชัดยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน ภาพก็มีความสว่างสูงอีกด้วย ในปัจจุบันจะมี Single-Chip DLP คือการใช้ตัว DMD-Chip เพียงตัวเดียวพร้อมกับวงล้อสีและ 3-Chip DLP คือการใช้ DMD-Chip 3 ตัว ในการทำงาน แล้วใช้ปริซึมในการแบ่งแยกสีออกมาอีกที

projectorok.com">

     3. เทคโนโลยีแบบ LCOS (Liquid Crystal On Silicon) คือ เทคโนโลยีแบบผสมเข้าด้วยกัน ระหว่าง ตัวเทคโนโลยีแบบ LCD และ เทคโนโลยีแบบ DLP วัตถุประสงค์คือ ต้องการลดข้อจำกัดของ เทคโนโลยีทั้งสอง 2 แบบลง ทำให้มันมีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก และ ให้ความสว่าง และ ความละเอียดสูง โดยจะความละเอียดจะเริ่มที่ SXGA (1365*1024) การทำงานแบบ LCOS จะทำใช้เทคโนโลยีสะท้อนแสงของ DLP แต่จะใช้แผ่น LCD 3แผ่น ในการแสดงแม่สีออกมา (สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน)


"วิเคราะห์ข้อดี LCD -VS- DLP ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" 
     ข้อดีสำหรับเทคโนโลยีแบบ LCD ก้คือ ทำให้ภาพที่มีความสว่างมากกว่า สีสดกว่า ในจำนวนวัตต์ ที่เท่ากัน ทำให้ได้ภาพมีชีวิตชีวา อีกข้อที่สำคัญมากคือ ให้ภาพนิ่งที่คมชัดมากกว่า เนื่องจากระยะห่างแต่ะ Pixel พอสมควร ทำให้แต่ละจุดแสดงสีได้ชัดเจนกว่า จึงเหมาะกับการใช้ชี้แจงภาพนิ่ง ในการประชุม ในการพรีเซนต์ หรือใช้ในการสาธิต ศึกษาหาความรู้ !!
     สำหรับข้อเสียของเทคโนโลยีแบบ LCD คือ ภาพที่ได้จะเป็นจุดๆของ Pixel มีความนุ่มนวลที่น้อยกว่า ข้อเสียอีกข้อก็คือ ระบบ LCD มีส่วนประกอบหลายชิ้นมากกว่าแบบ DLP และส่วนประกอบแต่ละชนิดมีราคาแพง ซึ่งเทคโนโลยีแบบ LCD มีโอกาสเสียได้มากกว่าเทคโนโลยีแบบ DLP

     ข้อดีสำหรับเทคโนโลยีแบบ DLP คือ มีระยะห่างระหว่าง Pixel น้อยกว่า ทำให้ภาพที่ได้นั้น มีความนุ่มนวล(Smooth) และให้ค่า Contrast สูงกว่า เหมาะกับการชมภาพยนตร์ ดูหนังเป็นต้น
     สำหรับข้อเสียของเจ้าตัวเทคโนโลยีแบบ DLP ก็คือ ภาพที่ได้ หากมองกวาดตา จากด้านหนึ่งของหน้าจอไปยังอีกด้านของหน้าจอ จะมองเห็นภาพเป็นแถบๆ เหมือนเป็นทางม้าลาย นอกจากนี้อาจพบขอบจอเป็นแถบสีเทาเล็กๆ อันเกิดจากกระกระจายของแสง.

สรุป ข้อดีและข้อเสียของ LCD และ DLP
ข้อดี LCD
     1. มีความสด ความคมชัดของสี และความสว่างที่ชัดเจนกว่า DLP
     2. มีความสว่างของแสงมากกว่าในขณะที่กำลังวัตต์ (watt) เท่ากัน
ข้อเสีย LCD
     1. ระดับความเข้มของสีดำ และค่า Contrast ยังไม่มากพอ
ข้อดี DLP
     1. มีน้ำหนักเบากว่า ในขนาดความสว่างที่เท่ากับ LCD
     2. Contrast Ratio & Black Level ที่ดีกว่า
ข้อเสีย DLP
     1. มีปัญหาประกายรุ้ง หรือที่เรารู้กันจักกันในนาม Rainbow Effect (ในบางรุ่นเท่านั้น)
_______________*********_______________

//จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความนี้ จัดหนักจัดเต็มให้ตลอดนะครับ เมื่อคุณขอมา เราจัดให้ได้ ^^//

     อย่าลืมนะขอรับ ก่อนเลือกซื้อ Projector ควรศึกษารายละเอียดของสินค้าก่อน เมื่อศึกษาแล้ว ควรมองย้อนกลับมาถึงตัวเราว่า เราจะนำไปใช้งานแบบไหน ติดห้องประเภทอะไร ถ้าเราทำความเข้าใจ 2 เรื่องนี้แล้ว... เมื่อเราทำการตัดสินใจเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ผมการันตีว่า ไม่เสียดายเงินฟรีแน่ๆครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่มั่นใจ ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ในสมัยปัจจุบันมีเว็บไซต์หลากหลายที่ให้ความรู้ หรือแนะนำสาระดีๆ ผมอยากให้เพื่อนอ่านๆ สักนิดก่อนจะตัดสินใจซื้อ เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวังเหมือนผม 55 ^^ (เด่ววันหลังผมจะมาเล่าประสบการณ์ ในการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ตัวแรก ของผมให้ฟังก่อน รับรอง เครียด ฮา เศร้า ^^)

ปล. สำหรับวันนี้ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระผมขอตัวก่อนนะครับ ปั้นงานต่อ ^^ อยากรู้เรื่องไหน ขอเข้ามาได้ ทาง Facebook - Website. ถ้าว่างผมจะจัดข้อมูลให้อย่างฉับไว!! ^^ ยะฮู้วว ไปแล้ววววว

หากผู้ใช้สนใจ อ่านบทความ สามารถติดตามได้ที่นี่
FACEBOOK : www.facebook.com/projectorok
เว็ปไซต์ : www.projectorok.com
_______________*********_______________
บทความเพิ่มเติม
   เรื่องอัตราส่วน CONTRAST คลิกอ่าน
   เรื่องอัตราส่วนภาพ ASPECT RATIO คลิกอ่าน
   เรื่องเทคโนโลยีสำหรับโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องหลอดโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องช่องต่อสัญญาณ คลิกอ่าน



ที่มา : http://www.projectorok.com/index.php?route=information/news/detail&news_id=258

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง : Contrast และ Aspect Ratio ของ Projector คัดสรรมาให้ ^^

ข้อมูลเน้นๆ  เรื่องควบ Contrast และ Aspect Ratio ห้ามพลาด!!

     พอดีเพิ่งจบสิ้นภารกิจอัพเดทเว็บไซต์ www.Projectorok.com Update ตำราใหม่ๆ เข้าไปสำหรับความรู้หลายๆ ด้านของ Projector สำหรับให้เพื่อนๆทุกคน ที่ต้องการหาความรู้ หาข้อมูล เทียบสเปค หรือใช้ในการศึกษา สามารถนำเอาไปใช้ประโยนช์ได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงยังไงก็ขอบพระคุณทุกกำลังใจนะครับ ที่เข้ามาขอให้เขียนบทความให้ ขอมาทาง Facebook ก็ตาม ทาง เว็บไซต์ ก็ตาม. ผมยืนยันนะครับ ว่าจะเขียนบทความให้ทุกๆ บทความที่ขอเข้ามา แต่เป็นไปได้ต้องรอสักนิด เพราะตัวผมติดภารกิจต้องดูแลเว็บไซต์ด้วย ดูแลเรื่อง SEO ด้วย ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากเท่าไหร่ ที่จะมาเขียนบทความวันหนึ่งหลายๆ บทความ แต่ผมยืนยันว่า บทความแต่ละบทความที่เขียนออกมา ตั้งใจทำจริงๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์จริงๆ .. ปล.ขอบคุณเว็บไซต์หลายๆเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลแก่เรา ขอบคุณครับ


เอาละครับมาเริ่มประเด็นกันเลย บทความที่ผ่านมาผมพูดถึง ความละเอียด ความสว่างไปแล้ว
บทความนี้ ผมขอจัดหนักสองเรื่องควบเลยละกันนะครับ
เรื่อง อัตราส่วน (Contrast) และอัตราส่วนภาพ (Aspect Ratio)

     Contrast คือ อัตราส่วนระหว่างความสว่างและความมืดของภาพ โดยค่า Contrast ของ Projector ในปัจจุบันมีตั้งแต่น้อยมาก จน สูงมากๆถึง 10,000:1 แต่ค่าขั้นพื้นฐานของ Contrast ควรมีมากกว่า 400:1 ขึ้นไป เพื่อที่จะได้รับการแสดงภาพที่ดีในโหมดของวีดีโอและโหมดรูปภาพ อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อนๆจะซื้อมาใช้งาน อันดับแรกสุุดคือ เพื่อนๆควรต้องเชค สำรวจว่าห้องที่เราจะใช้ติดโปรเจคเตอร์นั้น มีแสงสว่างมากน้อยเพียงใด ถ้าเพื่อนๆต้องการไปใช้งานในห้องที่มีความมืด เช่น ห้องคาราโอเกะ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่มีค่า Contrast สูงมากขนาดนั้น เพราะจะทำให้เพื่อนๆ สิ้นเปลืองเงินในการเลือกซื้อใช้
แต่ถ้าเป็นห้องที่มีความสว่างมาก หรือเป็นห้องขนาดใหญ่ เช่น หอประชุม ก็เป็นไปได้ต้องเลือกซื้อ เลือกใช้โปรเจคเตอร์ที่มีค่า Contrast สูงขึ้นตามลำดับ ภาพที่แสดงออกมาก็จะชัดเจนและให้ความคมชัดในแต่ละส่วนของภาพ ทำให้ภาพโดยรวมแลดูมีมิติมากขึ้น ทำให้ภาพ Smooth มากขึ้นครับ
__________________***************____________________

ต่อมาเรื่อง Aspect Ratio นะครับ..
     Aspect Ratio คือ อัตราส่วนของภาพที่จะแสดงผลออกมาทางหน้าจอนั้นเอง. Projector โดยมากแทบทั้งหมด จะเป็นอัตราส่วนอยู่ที่ 4:3 16:9 และในปัจจุบันมีถึง 16:10
อัตราส่วนภาพ 4:3 ก็คือว่า มีความกว้างของภาพ 4 ส่วนและมีความยาวของภาพด้วยกัน 3 ส่วน. อัตราส่วน 16:9 ก็เช่นกันครับคือ มีความกว้างของภาพ 16ส่วน ความยาวของภาพ 9ส่วน ส่วน16:10ก็จะมีลักษณะเดียวกันครับ
projectorok.com/index.php?route=information/news/detail&news_id=259">

พูดถึงความเหมาะสมในการใช้งาน
      อัตราส่วนของภาพ 4:3 จะเหมาะสำหรับการนำไปใช้งานใน Computer , Notebook ทั่วไป. แต่ถ้าเป็นอัตราภาพส่วน 16:9 หรือแบบ Wide Screen จะเหมาะสมสำหรับในการใช้เงินประเภท Home Theatre. ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการใช้ในรูปแบบไหน แต่ Projector รุ่นใหม่ๆในปัจจุบันนี้ แต่ละยี่ห้อ ก็จะทำ Function ในการเข้าไปปรับหรือตั้งค่า Aspect Ratio ได้ แต่ในขณะเดียวกันนี้ รุ่นเก่าๆ ก็อาจจะไม่มี Function ปรับ Aspect Ratio. เช่นนั้นก่อนที่เพื่อนๆจะเลือกซื้อใช้งานโปรเจคเตอร์ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อน หรือไม่ก็ติดต่อผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเพื่อนๆอาจจะรู้สึกเสียดายเงิน ถ้าไม่ได้โปรเจคเตอร์ที่เหมาะแก่การใช้งาน......
__________________***************____________________
ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับบทความนี้ หวังว่าเพื่อนๆคงได้ประโยนช์ไม่มากก็น้อยนะครับ ^^
ถ้าไม่เป็นการรบกวนฝากกดไลท์ กด Share Facebook กันได้นะครับ และแวะมาเยี่ยมชมเว็บไซต์กันได้นะครับ  www.projectorok.com ^^

หากผู้ใช้สนใจ อ่านบทความ สามารถติดตามได้ที่นี่
FACEBOOK : www.facebook.com/projectorok
WEBSITE : www.projectorok.com
__________________***************____________________
บทความเพิ่มเติม
   เรื่องอัตราส่วน CONTRAST คลิกอ่าน
   เรื่องอัตราส่วนภาพ ASPECT RATIO คลิกอ่าน
   เรื่องเทคโนโลยีสำหรับโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องหลอดโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องช่องต่อสัญญาณ คลิกอ่าน



ขอบคุณบทความจาก : www.projectorok.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง : ฺResolution ของ Projector คัดสรรมาให้ ^^

จัดหนัก จัดเต็มกันต่อเลยนะขอรับกระผม ฉบับนี้ จะเขียนถึงที่มาของ Resolution ว่ามาจากไหน มีความสำคัญเพียงไหน


     โปรเจคเตอร์ ทุกรุ่น จะมีหน่วยความละเอียดเป็น Pixel ซึ่งมาจาก 2 คำ ที่ว่า Pix คือ "Picture"  el คือ Element.. ซึ่งแบ่งออกได้ข้างต้นเช่นนี้


     1. SVGA (Super VGA) จะโชว์ผลออกมาอยู่ที่ 800*600 พิกเซล จีงมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 480,000 พิกเซล เหมาะสมสำหรับการใช้งานในห้องขนาดเล็กเท่านั้น ด้วยว่าการแสดงผลค่อนข้างต่ำ
     2. XGA (Extended Graphic Array) จะโชว์ผลออกมาอยู่ที่ 1024*768 Pixel จีงมีความละเอียดอยู่ที่ 768,000 พิกเซล สมควรกับ Notebook หรือ PC ใช้ในห้องขนาดกลาง - ขนาดใหญ่(ไม่เท่าไหร่)
     3. SXGA (Super Extended Graphic Array) จะแสดงผลออกมาอยู่ที่ 1280*1024 Pixel จึงมีความละเอียดอยู่ที่ 1,311,000 พิกเซล สมควรสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ เนื่องด้วยให้ความละเอียดได้ดี และ เหมาะกับการ Presentation เป็นอย่างมาก
     4. UXGA (Ultra Extended Graphic Array) จะโชว์ผลออกมาอยู่ที่ 1600*1200 Pixel เป็นความละเอียดที่ดีมากๆ ของโปรเจคเตอร์ ในปัจจุบัน มีความละเอียดอยู่ที่ 1,920,000 Pixel สมควร สำหรับการใช้งานในห้องขนาดใหญ่มาก เช่น ห้องโถง โรงแรม เป็นต้น
__________________***************____________________

     ความละเอียดของ Projector ที่เหมาะสมการดูภาพยนตร์ ที่มักใช้โดยทั่วไปหรือนิยมใช้ในท้องตลาด

     ความละเอียดอยู่ที่ 1280x720 โปรเจคเตอร์รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้ในอดีต เป็นรุ่นที่พอเหมาะมาในการดูภาพยนตร์ และดูจาก 1080i HDTV ได้ดีพอสมควรราคาตกอยู่คร่าวๆ 20,000 กว่าบาท เพราะฉะนั้นหาก User ต้องการ projector ราคาไม่แพง และไม่ต้องการความละเอียดที่สูง projector รุ่นนี้ก็เหมาะกับผู้ใช้ มากๆ
     ความละเอียดอยู่ที่ 1280x768 โปรเจคเตอร์รุ่นนี้สามารถแสดงภาพแบบ 16:9 คือเหมาะต่อการเล่น widescreen Dvd, blu-ray แต่จะพบแถบดำเล็กๆ ที่ขอบจอเนื่องจากอัตราส่วนของเครื่องเป็น 15:9 ที่สำคัญความละเอียดแบบนี้เป็นค่ามาตราฐานของจอ Computer ดังนั้นใครที่ต้องการเล่น Internet หรือ ทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยก็ควรใช้ projector รุ่นนี้
     ความละเอียดอยู่ที่ 1920x1080 projector รุ่นนี้คือ รุ่นที่ลงท้ายด้วย 1080i หรือ 1080p ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความละเอียดภาพสูงที่สุด สามารถแสดงภาพจาก 1080i HDTV และ 1080i & 1080p blu-ray ได้อย่างคมชัด ราคาของโปรเจคเตอร์ รุ่นนี้อย่างต่ำสุดอยู่ที่ 30,000 บาท แต่เป็นโปรเจคเตอร์ที่ชมภาพยนตร์ได้ดีที่สุด หากคุณต้องการภาพที่คมชัดรองรับเครื่องเล่นราคาแพงคุณควรเลือกซื้อโปรเจคเตอร์รุ่นนี้
Resolution

     ถ้าถามผมว่าน่าจะซื้อความละเอียดอย่างไหนดี ข้าพเจ้าว่าลองอ่านและเปรียบเทียบ Spec ดูว่า การใช้งานคุณเป็นประเภทไหน กระผมว่าน่าจะได้ประโยชน์พอสมควร

__________________***************____________________
บทความเพิ่มเติม
   เรื่องอัตราส่วน CONTRAST คลิกอ่าน
   เรื่องอัตราส่วนภาพ ASPECT RATIO คลิกอ่าน
   เรื่องเทคโนโลยีสำหรับโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องหลอดโปรเจคเตอร์ คลิกอ่าน
   เรื่องช่องต่อสัญญาณ คลิกอ่าน

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : projectorok.com/index.php?route=common/home">ข้อมูลโปรเจคเตอร์

ขอบคุณบทความจาก : http://www.projectorok.com/index.php?route=common/home

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง : ความสว่างของ Projector คัดสรรมาให้ ^^

   
   สมัยนี้โปรเจคเตอร์ มีต่างๆรูปแบบ หลากหลาย Spec หลากหลาย Function แต่ละยี่ห้อทำออกมาแข่งขันกันในทางการตลาด แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น ก็จะมีรูปร่างแปลกกันออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกกลุ่มต่างแข่งขันกันด้วยที่ Funcation การทำงาน แต่ละกลุ่มก็ผลิต projector ออกมารับรองการทำงานในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจคเตอร์ขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ มีทั้งราคาเบาๆ ถึงราคาสูงๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้
   วิธีเลือกซื้อ projector แต่ละรุ่นแต่ละสเปค ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ผู้ใช้ต้องคำนึกถึงสถานที่ ความกว้างของห้อง ความสว่าง ความสูง การซูมเข้า ซูมออก งบประมาณในการซื้อ จากนั้นจึงค่อยหาเทียบ Spec ของแต่ละรุ่น แต่ละราคา ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อที่จะได้ประโยนช์มากที่สุด

เรามาเริ่มต้นกันเลยนะครับ ประเดิมด้วยเรื่อง
ความสว่าง (Brightness)
projecor-brightness
    Brightness เป็นค่าแสดงความสว่างของโปรเจคเตอร์แต่ละรุ่น ตัวเลขยิ่งมาก ความสว่างยิ่งมากนะครับผม ส่วน (ANSI LUMENS) เป็นมาตรฐานที่ใช้วัดความสว่างของ projector ครับผม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลในการวัดค่าความสว่างของโปรเจคเตอร์ ANSI มีที่มาจาก American National Standard ส่วนคำว่า LUMEN เป็นการวัด flux หรือ ว่ามีพลังงานแสงออกมาจากแหล่งกำเนิดนั้น ๆ เท่าไหร่ ในเวลาหนึ่ง ๆ ( วัดเฉพาะแสงช่วงสายตามองเห็น ไม่ใช่พลังงานทั้งหมด ) แต่เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกัน (ANSI LUMENS) จะหมายความว่า เป็นการหาค่าเฉลี่ยของแสงที่จอรับภาพโดยแบ่งจอรับภาพออกเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส 9 ส่วน ในการวัดใช้ light meter วัดจากจอรับภาพ 1 ฟุต โดยให้ light meter ชี้ไปที่บริเวณตรงกลางของสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้ครบทั้ง 9 ส่วน แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยอีกทีซึ่งจะได้ค่า ANSI LUMENS ออกมา
คำถาม : "งั้นเราควรจะเลือกความสว่างเท่าไหร่ดีล่ะ"
   ผมจะขอชี้นำว่าให้พิจารณาในการเลือกความสว่างของโปรเจคเตอร์ ให้เหมาะสมกับการใช้งานทีละข้อครับ
  * จำนวนคนในห้อง เพราะว่ายิ่งจำนวนคนในห้องมาก ภาพที่จะฉายก็จะต้องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย พอภาพใหญ่ขึ้น ความสว่างของภาพจะลดลงตามไปด้วย เนื่องจากแสงจะกระจายไปตามระยะที่ฉายภาพครับ
  * ความสว่างของห้อง ถ้าห้องที่ฉายมืด เราก็จะไม่ต้องกังวลถึงความสว่างของ projector มากนัก เพราะถ้ากลัวจะสว่างไป projector ในท้องตลาดตอนนี้สามารถที่จะปรับลดความสว่างของตัวมันเองได้อยู่แล้วซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของโปรเจคเตอร์ ได้ แต่สมมติว่าห้องที่มีแสงเข้ามาก ท่านอาจจะต้องนึกถึงความสว่างของโปรเจคเตอร์เพราะแม้ว่าว่า โปรเจคเตอร์ในช่วงปัจจุบันจะสามารถปรับค่าความสว่างได้ แต่ถ้าท่านปรับค่าความสว่างของโปรเจคเตอร์ให้สูงสุดตลอดเวลานั่นอาจหมายความถึง อายุการการทำงานของโปรเจคเตอร์ก็จะสั่นลงตามไปด้วย ดังนั้นในกรณีที่ห้องมีแสงสว่างจ้าอยู่ตลอดเวลาผู้ใช้ คงต้องเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างสูงขึ้น
  * ชนิดของจอรับภาพ จอรับภาพจะมีผลอย่างสูงกับความสว่างและคุณค่าของภาพที่จะแสดงออกมาเพราะว่า จอรับภาพที่ดีจะทำให้ภาพสว่างและนุ่มนวลดูแล้วสบายตา ในกรณีที่ไม่มีจอรับภาพอาจจะทำให้ภาพที่ฉายสว่างไปหรือแสบตา
  * การนำไปใช้ เช่น ผู้ใช้ใช้เพื่อการประชุม การเรียนการสอน User อาจต้องการความสว่างที่เพียงพอ เพื่อเนื้อหาและรายละเอียดในการนำเสนอภาพจะได้ไม่ผิดพลาด ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการนำไปใช้

ระดับความสว่างของโปรเจคเตอร์ที่เหมาะสม
projector-brightness2
   - ความสว่างน้อยกว่า 1000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งถือว่าน้อยในสมัยนี้นี้สำหรับเทคโนโลยีโปรเจคเตอร์ ซึ่งก็เหมาะสำหรับการฉายภาพในห้องที่มืดหรือมีแสงน้อย
   - ความสว่าง 1000 – 2000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งอยู่ในระดับ ปานกลาง เหมาะสำหรับ ห้องประชุม,ห้องเรียนขนาดเล็กที่แสงสว่างไม่มาก การฉายภาพควรจะใช้ในห้องที่มีแสงสว่างรบกวนเพียงเล็กน้อย
   - ความสว่าง 2000 – 3000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งอยู่ในระดับ สูงเหมาะสำหรับห้องประชุม,ห้องเรียนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ความสว่างระดับนี้สามารถที่จะฉายได้ในระยะที่ไกลขึ้นภาพที่ใหญ่ขึ้นและทำ การแสดงภาพยังคงชัดเจน
   - ความสว่างมากกว่า 3000 Ansi Lumens : เป็นความสว่างซึ่งในระดับสูง เหมาะการใช้งานใน หอประชุม, ห้องบรรยาย หรือห้องที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาของ projector ในความสว่างระดับนี้ก็แพงขึ้นตามไปด้วย
projector Credit : www.techcrok.com



เครดิต : www.projectorok.com

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รีวิว : โปรเจคเตอร์ Hitachi รุ่น CP-X5022WN

รีวิว : โปรเจคเตอร์ Hitachi รุ่น CP-X5022WN

projector
projector

   ก่อนอื่นข้อแนะนำตัวซักเล็กน้อยละกันนะครับ ผม #AdminBenz. จากเพจ Projector.OK นี่ก็เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิต หากผิดพลาดอย่างไรขอโทษด้วยนะครับ ^^

   อย่างที่ขึ้นหัวข้อไว้นะครับวันนี่เราก็จะมารีวิวเจ้าตัวโปรเจคเตอร์ CP-X5022WN  จากค่าย Hitachi กัน เริ่มเลย... !!

   Projector Hitachi รุ่น CP-X5022WN มีความละเอียดระดับ XGA 1024 * 768 พร้อมกับความสว่างระดับ Super-bright 5,000 ANSI lumens ซึ่งสามารถฉายภาพได้คมชัดแม้จะมีแสงรบกวนมากก็ตามและมันยังสามารถเปลี่ยนให้ห้องเรียน, ห้องบรรยาย หรือแม้เเต่หอประชุม ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่แท้จริง (true learning centers)ได้อีกด้วย และมันยังถูกออกแบบมาให้สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย โดยขนาดเครื่องมี ความยาว*ลึก*สูง อยู่ที่ 15.8" *12.5" *4.1" และน้ำหนักเพียง 4.59 กิโลกรัมเท่านั้น!!

__________________________________************___________________________________
    
   เรารู้ถึงรายละเอียคร่าวๆของเจ้าตัว Projector Hitachi รุุ่น X5022WN กันไปแล้ว มาถึงสิ่งที่เราต้องควรรู้เป็นลำดับต่อมา.. นั้นก็คือ ... !!

Specification หรือที่เรารู้กันในนาม "สเปค" สินค้านั้นเอง

MODELProjector Hitachi CP-X5022WN
DisplayProjection Technology3LCD, 3 chip technology
ResolutionXGA - 1024 x 768
White Light Output5,000 ANSI lumens
Color Light Output5,000 ANSI lumens
Colors16.7 million colors
Aspect RatioNative 4:3 and 16:9 / 16:10 compatible
Contrast Ratio3,000 : 1 (using active IRIS)
Throw Ratio (distance : width)1.5 - 2.5 : 1
Focus Distance34" - 596"
Display Size30" - 300"
Lens & OperationLensF = 1.6 - 2.1, f = 19 - 32 mm x 1.7 manual zoom, foucus & lens shift
Lap Wattage245W
Expected Lamp Life*Approximately 3,000 hours (Sandard mode) 5,000 hours (Eco-2 mode)
Expected Filter Life**Approximately 5,000 hours
Speaker Output16W 
Acoustic Noise Level35 dB (29 dB in Eco mode)
KeystoneH: +/- 35 ํ and V: +/- 37.5 ํ
CompatibilityComputerVGA, SVGA, XGA, WXGA/WXGA+/SXGA/SXGA+/UXGA(compressed), MAC 16"
H-Sync31.5 kHz- 106kHz
V-Sync56 Hz - 120Hz
Composite VideoNTSC, NTSC4.43, PAL, PAL-M. -N, SECAM
Component Video480i, 480p, 576i, 720p, 1080i, 1080p
HDMI480i, 480p, 576i, 720p, 1080i, 1080, Computer signal TMDS Clock 27MHz - 150 Mhz
ConnectorsDigital InputHDMI x 1 (HDCP compliant)
Computer Input 115-pin mini D-sub x 1
Computer Unput 2BNC x 5
Computer Monitor Output15-pin mini D-sub x 1
Videio Input
     S-VideoMini DIN 4-pin x 1
   Compositve VideoRCA jack x 1
   Component VideoRCA jack x 3, 15-pin mini D-sub x 1 (shared with computer In 1 BNC x 3 (shared with computer In 2)
Audio Input3.5mm stereo mini jack x 2, RCA jack (L/R) x 1, MIC-in 3.5 mm mini jack x1
Audio OutputRCA jack (L/R) x 1
Network LAN WiredRJ-45 port (10 base-T / 100 base-TX)
Nework LAN WirelessUSB-A, IEEE802.11 b/g/n - optional wireless adapter required
USBType A x 2 (PC-less presentation, wireless adapter), Type B x 1 (USB display or mouse control)
Control Terminals9-pin D-sub x 1 (RS-232 control)
Ratings & WarrantyPower SupplyAC100-120V / AC220-240V, 50/60Hz
Power Consumption370W
Operating Temperature41 ํF - 95 ํF (5 ํC - 35 ํC)
Dimensions (W x D x H)15.8" x 12.5 x 4.1" (excluding protruding parts)
WeightApproximately 4.5 kg
ApprovalsUL 60950-1 / cUL FCC Part 15 subpart B class B

Warranty

2 year limited parts and labor Extended Service Contract available (additional cost)


__________________________________************___________________________________

   ต่อเนื่องกันเลยนะครับ หลังจากเรารู้ถึง สเปค รุ่น5022WN ต่อมาสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือฟังก์ชั่นการทำงานหรือคุณสมบัติเสริมของโปรเจคเตอร์รุ่นนี้

Function หรือ "คุณสมบัติเด่น - ลูกเล่น"

Cloning Function

Cloning Function สามารถตั้งค่าจากเครื่องหนึ่งไปสู่โปรเจคเตอร์อีกเครื่องหนึ่งหรืออีกหลายๆเครื่อง โดยได้ภาพเดียวกัน

ImageCare Technology


ImageCare เป็นฟังก์ชั่นการควบคุมพลังงานที่รวบรวมประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยการลดการใช้พลังงานในการปรับปรุงความคมชัดและยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟ
DICOM Simulation Mode


ในโหมด DICOM จะมีระดับสีเทาขั้นสูง โหมดนี้เหมาะสำหรับการดูภาพทางการแพทย์ เช่น การ X-ray และยังเหมาะสำหรับการฝึกอบรมและการศึกษาอีกด้วย
Intelligent Eco and Saver Modes


ช่วยเปลี่ยน ความสว่างของหลอดไฟให้เป็นไปตามระดับความสว่างของหลอดไฟหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในภาพหน้าจอโดยใช้เทคโนโลยี ImageCare และพวกคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพของภาพดีที่สุดและประหยัดพลังงานสูงสุด
Perfect Fit 2

ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถปรับมุมมองแต่ละด้านอย่างอิสระ คุณสมบัตินี้จะช่วยให้ปรับทิศทางได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อช่วยให้ภาพที่ฉายนั้นถูกต้องและพอดีกับหน้าจอได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
Projector Quick Connection iPad App   
Appilication บนระบบ iOS สามารถควบคุมโปรเจคเตอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบและนอกจากนี้ยังมีความสามารถในการแสดงภาพ ไฟล์เอกสารและเนื้อหาเว็บไซย์. สำหรับ iPhone และ iPad คุณยังสามารถทำงานผ่านระบบ LAN และ Wireless ได้อีกด้วย
Projector Quick Connection iPad App 


สวิทช์มัลติฟังก์ชั่น ดำเนินควบคู่ไปกับการรับสัญญาณที่จะให้เลือกแหล่งที่มาของสัญญาณในการเชื่อต่อ และยังมีอุปกรณ์เสริมที่สามารถให้พความละเอียดสูงถึง 1080p 30fps แบบไร้สาย



_________________________________________________________________________________

          ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิว Projector Hitachi รุ่น CP-X5022WN ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ใครอยากรู้เรื่องไหน เจาะลึกตัวไหน Inbox ได้ทางหน้า Facebook หรือติดต่อมาที่ Website ได้เลยนะครับ ทางเรายินดีจัดข้อมูลเด็ดๆให้ แน่นอน รับประกัน!!





Tel : 081-359-9940 ถึง 9943

--------------------------------------------------------------------------------------------------

*ศูนย์จำหน่ายและให้บริการระบบภาพ ระบบเสียง อุปกรณ์ไอที อุปกรณ์ต่อพ่วง พร้อมทั้งติดตั้ง ซ่อมและให้เช่าบริการ* 

--------------------------------------------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลอดภาพ (Projector Lamp)

Projector Lamp


             หลอดภาพ เป็นส่วนสำคัญยิ่งของโปรเจคเตอร์ ปัจจุบันราคาสูงพอสมควร ก่อนที่ท่านจะซื้อโปรเจคเตอร์ (Projector)ท่านควรสอบถามหรือตรวจสอบเรื่องการประกันหลอดภาพโปรเจคเตอร์ให้เรียบร้อยก่อนว่า รุ่นนี้ประกันหลอดกี่ชั่วโมง กี่เดือน โดยปกติส่วนใหญ่แล้วจะรับประกันหลอดภาพอยู่ที่ 2000 ชั่วโมง หรือประมาณ 6 เดือน อย่างอะไรก็ตามโปรเจคเตอร์ (Projector) ในยุคปัจจุบันมีการปรับ Function การใช้งานของหลอดภาพออกไปได้ถึง 6000 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการตั้ค่าและการนำไปใช้งานที่เหมาะสม เนื่องจากราคาหลอดภาพโปรเจคเตอร์ในปัจจุบันยังมีราคาที่สูง 

ดังนั้น ก่อนท่านจะตัดสินใจเลือกซื้อหรือเลือกใช้โปรเจคเตอร์ (Projector) ควรตรวจสอบและสอบถามให้ละเอียด ไม่งั้นอาจจะเสียประโยชน์ได้ ^^ 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากprojectorokcom ครับ

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อัตราส่วนของภาพ (Aspect Ratio)


 Aspect Ratio คืออัตราส่วนของภาพที่่จะแสดงผลออกมาทางหน้าจอนั้นเอง. Projector (โปรเจคเตอร์) ส่วนใหญ่แทบทั้งหมด จะเป็นอัตราส่วนอยู่ที่ 4:3 และ 16:9 ปัจจุบันนี้มี 16:10 ด้วยซ้ำ
        อัตราส่วนของ 4:3 ก็คือ มีความกว้างของภาพ 4 ส่วน และความยาวของภาพ 3 ส่วน. อัตราส่วนของภาพ 16:9 ก็เช่นกัน คือมีความกว้างของภาพ 16ส่วน และความยาวของภาพ 9ส่วน ตามภาพด้านล่างเลยครับ
ความเหมาะสมกับการใช้งาน!!
        อัตราส่วนของภาพ 4:3 จะเหมาะสมกับการนำไปใช้ใน Computer (คอมพิวเตอร์) ทั่วไป. ถ้าเป็นอัตราส่วน 16:9 หรือเรียกว่าจอ (Wide Screen) จะเหมาะสมกับการนำไปใช้แบบ Home Theatre ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการใช้ในรูปแบบไหน. แต่ Projector (โปรเจคเตอร์) รุ่นใหม่ๆที่ของมานี้ แต่ละยี่ห้อ แต่ละ Brand ก็จะทำ Function ในการเข้าไปปรับหรือตั้งค่า Aspect Ratio หรืออัตราส่วนของภาพได้นั้นเอง แต่ในขณะเดียวกัน รุ่นเก่าๆ ก็อาจจะไม่มี Function การทำงานนี้. ก่อนที่ผู้ใช้จะเลือกซื้อ ควรเช็คและตรวจสอบสเปคให้ดี ก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ ^^
ขอบคุณข้อมูล โปรเจคเตอร์ - ProjectorOK

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อัตราส่วนระหว่างความสว่างของภาพและความมืดของภาพ (Projector Contrast)


Contrast คือ อัตราส่วนระหว่างความสว่างของภาพและความมืดของภาพ โดยค่า Contrast ของ Projector(โปรเจคเตอร์) ควรมีค่ามากกว่า 400:1 ขึ้นไป เพื่อที่จะได้รับการแสดงภาพที่ดีในโหมดของ Video และ โหมด Picture ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรเช็คก่อนว่าห้องที่่เราใช้งานนั้น มีแสงสว่างมากน้อยเพียงใด ถ้าอยู่ในห้องที่มืด เช่น ห้องคาราโอเกะ ก็ไม่จำเป็นต้องมีค่า Contrast สูงมากไป เพราะว่าจะทำให้สิ้นเปลืองงบของผู้ใช้เองด้วย แต่ถ้าเป็นห้องที่ว่างมาก เช่น ห้องประชุมใหญ่ ก็อาจจะต้องใช้ Projector (โปรเจคเตอร์) รุ่นที่มีค่า Contrast Ratio สูงขึ้น ภาพที่แสดงออกมาจะชัดเจนและมีความคมชัดอย่างมาก ทำให้ภาพดูแลมีมิติในการรับชมมากขึ้น .......ขอบคุณข้อมูลโปรเจคเตอร์ - ProjectorOK

เทคโนโลยีที่ใช้กับโปรเจคเตอร์ (Projector Technology)


ปัจจุบันมีเทคโนโลยีโปรเจคเตอร์แบบ LCD,3LCD,DLP และ LCOS


1. เทคโนโลยีแบบ LCD (Liquid Crystal Display) คือการทำงานจะทำโดยการปล่อยลำแสงจากแผ่น LCD 3แผ่น ซึ่งประกอบด้วย ซิลิคอนขนาดเล็กนำมาต่อหรือประกอบกันเป็นแผงๆ แต่ละแผ่นจะทำหน้าที่ของตัวเองคือการปล่อยแม่สีของตัวเองออกมา นั้นก็คือ แดง เขียว น้ำเงิน ออกมาเป็นตัวสร้างภาพ การส่งแสงผ่านแผ่น LCD ทำให้สูญเสียค่าแสงเล็กน้อย ภาพที่ปรากฏออกมาจึงมีความสดใส และสามารถแสดงสีสันได้อย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ โดยปัจจุบันจะมีแบบ Single-LCD และ 3LCD
             2. เทคโนโลยีแบบ DLP (Digital Light Processing) คือ เทคโนโลยีการสร้างภาพแบบดิจิตอล ผู้คิดค้นคือ Texas Instrument ลักษณะการทำงานใช้เพียง Chipset เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เราเรียกมันว่า DMD - Ship (Digital Micro mirror Device Ship) ซึ่งภายในนี้จะประกอบด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ เป็นจำนวนมากๆ เพื่อใช้แสดง Pixel ของภาพ จำนวนชิ้นกระจกจะแสดงถึงความละเอียดของภาพ ยิ่งมากชิ้นความคมชัดยิ่งมากขึ้น การทำงานจะทำโดยการสะท้อนแสง เพื่อฉายภาพจากเลนส์ไปยังจอภาพ ตัวนีจะมีน้ำหนักเบามาก เพราะชิปที่นำมาใช้เป็นเพียงขนาดเล็กเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันภาพก็มีความสว่างสูงด้วย.. ในปัจจุบันจะมี Single-Chip DLP คือใช้ DMD-Chip เพียงตัวเดียวพร้อมกับวงล้อสี และ 3-Chip DLP คือใช้ DMD-Chip 3 ตัวในการทำงานแล้วใช้ปริซึมในการแยกสีออกมา
               3. เทคโนโลยีแบบ LCOS (Liquid Crystal On Silicon) คือ เทคโนโลยีผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีแบบ LCD และแบบ DLP จุดประสงค์คือต้องการลดข้อจำกัดของเทคโนโลยีทั้ง 2 แบบลง ทำให้มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก และให้ความสว่างและความละเอียดสูง โดยจะเริ่มที่ SXGA (1365*1024)!! การทำงานของ LCOS จะทำใช้เทคโนโลยีสะท้อนแสงของ DLP แต่จะใช้แผ่น LCD 3 แผ่นในการแสดงแม่มี (แดง เขียว น้ำเงิน)
       ถ้าถามผมว่าควรเลือกซื้อแบบไหนดี     
ผมตอบว่า : แต่ละเทคโนโลยีก็จะมีข้อดีและข้อด้ายต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะยอมรับจุดไหนได้มากกว่ากันในการเลือกซื้อ Projector (โปรเจคเตอร์)
       ข้อดี-ข้อเสีย เทคโนโลยีแบบ LCD       
ข้อดี
           1. มีความสด ความคมชัดของสี และความสว่างที่ชัดเจนกว่า DLP           2. มีความสว่างของแสงมากกว่าในขณะที่ กำลัง Watt เท่ากัน
ข้อด้อย
           1. ระดับความเข้มของสีดำ และ Contrast Ratio ยังไม่มากพอ
       ข้อดี-ข้อเสีย เทคโนโลยีแบบ DLP      
ข้อดี 
           1. มีน้ำหนักเบากว่าในขนาดความสว่างที่เท่ากับ LCD           2. Contrast Ratio & Black level ที่ดีกว่า
ข้อด้อย
           1. มีปัญหาประกายรุ้ง (Rainbow Effect) ในบางรุ่น
ขอบคุณข้อมูลโปรเจคเตอร์ - ProjectorOK

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความละเอียดของโปรเจคเตอร์(Projector Resolution)

Projector Resolution

โปรเจคเตอร์ (Projector) ทุกรุ่น จะมีหน่วยความละเอียดเป็น Pixel ซึ่งมาจาก 2 คำ ที่ว่า Pix คือ "Picture" + el คือ Element.. ซึ่งแบ่งออกได้ข้างต้นดังนี้








  1. SVGA (Super VGA) จะแสดงผลออกมาอยู่ที่ 800*600 Pixel จีงมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 480,000 Pixel เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดเล็กเท่านั้น เพราะการแสดงผลค่อนข้างต่ำ
  2.  XGA (Extended Graphic Array) จะแสดงผลออกมาอยู่ที่ 1024*768 จีงมีความละเอียดอยู่ที่ 768,000 Pixel เหมาะกับโน๊คบุค PC ใช้ในห้องขนาดกลาง - ขนาดใหญ่(ไม่มาก)
  3. SXGA (Super Extended Graphic Array) จะแสดงผลออกมาอยู่ที่ 1280*1024 จึงมีความละเอียดอยู่ที่ 1,311,000 Pixel เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ เพราะให้ความละเอียดได้ดี และ     เหมาะกับการ Presentation เป็นอย่างมาก
  4. UXGA (Ultra Extended Graphic Array) จะแสดงผลออกมาอยู่ที่ 1600*1200 เป็นความละเอียดที่ดีมากๆของโปรเจคเตอร์ (Projector) ในสมัยนี้ มีความละเอียดอยู่ที่ 1,920,000 Pixel เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดใหญ่มาก เช่น ห้องโถง โงแรม เป็นต้น

*** ถ้าถามผมว่าควรซื้อความละเอียดแบบไหนดี ผมว่าลองอ่านและเทียบสเปคดูว่า การใช้งานคุณเป็นแบบไหน ผมว่าน่าจะได้ประโยชน์พอสมควร ....ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก projectorokcom ครับ

ความสว่างของโปรเจคเตอร์ (Projector Brightness)

Projector Brightness


ค่าความสว่างของโปรเจคเตอร์นั้นจะใช้หน่วยในการวัดคือ ANSI LUMENS เป็นมาตราฐานในการวัดความสว่งของโปรเจคเตอร์ โดยคำว่า ANSI LUMENS จะหมายถึง การหาค่าเฉลี่ยของแสงที่จอรับภาพโดยการแบ่งจอรับภาพเป็น 9 ส่วน ในการวัด light meter โดยวัดจากจอรับภาพ 1 ฟุต โดยให้ light meter ชี้ไปที่บริเวณตรงกลางของส่วนที่แบ่งไว้ให้ครบ 9 ส่วน แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย ซึ่งจะได้ค่า ANSI LUMENS ออกมา

     ความสว่างของโปรเจคเตอร์ที่แนะนำ     

  • ความสว่างต่ำกว่า 1,000 ANSI LUMENSเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก และเป็นห้องที่มืด ไม่ต้องการความสว่าง
  • ความสว่างระหว่าง 1,000 - 2,000 ANSI LUMENSเหมาะสำหรับ ห้องประชุมหรือห้องเรียนขนาดเล็ก ที่มีแสงสว่างจากภายนอกรบกวนไม่มาก
  • ความสว่างระหว่าง 2,000 - 3,000 ANSI LUMENS
    เหมาะสำหรับ ห้องประชุมหรือห้องเรียนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ความสว่างในระดับนี้สามารถฉายภาพได้ในระยะที่ไกลขึ้นและ มีความคมชัดมากกว่าการแสดงภาพยังคงชัดเจน
  • ความสว่างมากกว่า 3,000 ANSI LUMENSเหมาะสำหรับ ห้องประชุม, ห้องบรรยายหรือ ห้องที่มีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับห้องที่มีแสงภายนอกรบกวนมาก
จบเเล้วนะครับสำหรับข้อมูลของความสว่างของโปรเจคเตอร์
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากprojectorokcom ครับ

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ก่อนซื้อโปรเจคเตอร์ต้องรู้จักศัพท์อะไรบ้าง ?

เมื่อเราอยากได้เครื่องโปรเจคเตอร์ซักเครื่องเราก็จะต้องทำความเข้าใจกับศัพท์พิ้นฐานเกี่ยวกับข้อมูลรายละเอียดของเเต่รุ่นที่จะซื้อเพื่อที่จะซื้อมาใช้งานให้คุ้มค่าเเละเต็มประสิทธิภาพ
projector

ศัพท์เกี่ยวกับโปรเจคเตอร์ (projector)
คลิกที่คำศัพท์ต่างๆเพื่อดูรายละเอียดได้เลยนะ ^^
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากprojectorokcom ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิธีดูแลรักษาเครื่องโปรเจคเตอร์

วิธีดูแลรักษาเครื่องโปรเจคเตอร์

projector

โปรเจคเตอร์(projector) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการแสดงภาพให้มีขนาดใหญ่ขึนเหมาะสำหรับการนำมาเสนอใช้งานหรือที่เราเรียกกันว่า พรีเซนเทชั่น หรืออาจจะนำมาเป็น Home-Theater
โดยปกติ โปรเจคเตอร์สามารถนำมาต่อกับ อุปกรณ์ได้หลายประะเภทเช่น วีดีโอ วีซีดี ดีวีดี รวมทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เป็น

เนื่องจากราคาของโปรเจคเตอร์ค่อนข้างสูงดังนั้นเราจึงมีวิธีการดูแลรักษาโปรเจคเตอร์ของเราให้อยู่คู่คุณไปนานๆ


     วิธีการดูแลรักษาเครื่องโปรเจคเตอร์     

  1. ให้ทำการหลีกเลี่ยงอย่าปล่อยให้โปรเจคเตอร์ที่เราใช้งานนั้นโดนฝุ่นหรือควัน ซึงจะทำให้ยืดอายุการใช้งานของหลอดภาพได้
  2. ทำการติดตั้งและใช้งานโปรเจคเตอร์ในที่ๆ อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก
  3. ทำการระมัดระวังอย่าทำให้โปรเจคเตอร์นั้นได้รับการกระแทก โดยเฉพาะททำตกพื้น
  4. อย่าใช้โปรเจคเตอร์ในที่มีอุณภูมิสูงจัด
  5. การใช้งานโปรเจคเตอร์นั้นถ้าหากต้องการติดตั้งในที่สูงควรให้ผู้ชำนาญหรือช่างทำการดำเนินการติดตั้งมากกว่า
  6. ควรทำความสะอาดเลนส์และควรปัดฝุ่นออกจากเลนส์ก่อน แล้วทำการใช้น้ำยาเฉพาะทางทำความสะอาด ไม่ควรใช้น้ำยาอย่างอื่น เชช่นน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน เพราะจะทำให้เลนส์นั้นเกิดความเสียหายได้ จากนั้นทำการเป่าแล้วใช้กระดาษทิชชู่นั้นเช็ดให้แห้ง
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก projectorok.com และ JIB ครับ

โปรเจคเตอร์ คือ?

โปรเจคเตอร์ คือ?

projector
โปรเจคเตอร์ (projector) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการนำเสอนข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูล รูปภาพ วีดีโอต่างๆ ฯลฯ จากตัวส่งสัญญาณภาพเช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีดีโอ (VCD, DVD)และในปัจบันโปรเจคเตอร์ยังสามารถรับสัญญาณจาก โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Smart Phone) ได้อีกด้วย
โปรเจคเตอร์ (projector)ถูกใช้อย่างกว้างขวางในการนำเสนองานทั้งในห้องเรียน
ห้องประชุม
 รวมถึงยังสามารถนำมาใช้เป็น
โรงหนังเล็กๆภายในบ้านได้อีกด้วย
**ในครั้งนี้เราก็รู้จักโปรเจคเตอร์กันบ้างเเล้วในครั้งหน้าเราก็จะมานำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับโปรเจคเตอร์กันอีกมากมายอย่าลืมกดติดตามกันนะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก projectorokcom ครับ